KEY
POINTS
เมื่อสองวันก่อนมีเพื่อนรุ่นพี่ 2 ท่านมาที่ออฟฟิศผม ทั้งสองท่านมีอายุมากกว่าผมสักประมาณ 5-6 ปี มีท่านหนึ่งได้บ่นว่า พักนี้กรุงเทพฯเรามีปัญหา PM 2.5 ค่อนข้างแย่มาก ตื่นเช้าขึ้นมาหากมองออกไปนอกบ้าน จะเห็นเป็นหมอกหนาจนมองไปข้างหน้าไกลสักร้อยเมตรก็แทบจะมองไม่เห็น อากาศที่หายใจก็มีความรู้สึกว่าจะหายใจไม่ค่อยสะดวก อีกท่านหนึ่งจึงตอบว่า ท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน ทำให้คล้ายจะเป็นหวัด หายใจไม่ออก และมีความรู้สึกว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้
พอพูดถึงตรงนี้ ทำให้อีกท่านรีบเสริมว่า ท่านเองก็คิดว่าน่าจะเป็นภูมิแพ้แน่นอน เพราะเวลาเกาที่มือหรือแผ่นหลัง ก็จะมีรอยคล้ายรอยขีดข่วน ผมจึงถามว่า ท่านเคยไปพบแพทย์บ้างหรือยัง? ท่านก็ตอบว่า ไปพบมาแล้ว แพทย์ท่านบอกว่า เป็นโรคภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดบกพร่อง พอผมฟังเรื่องดังกล่าวนี้ ทำให้ผมต้องกลับมาสืบค้นดูว่า “โรคภูมิคุ้นกันโดยกำเนิด (Innate Immunity) บกพร่อง” คืออะไร? ตามประสาคนชอบสอดรู้สอดเห็นนั่นแหละครับ ยังดีที่สมัยนี้ สามารถสืบเสาะหาจากเว็บไซต์ได้ไม่ยาก หากเป็นอดีต ผมคงต้องวิ่งเข้าห้องสมุด จึงจะสืบเสาะหาข้อมูลได้ครับ
มนุษย์เราทุกคน จะต้องมีเจ้าตัวภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity) ด้วยกันทุกคน เพื่อเป็นเสมือนแนวป้องกันแรกที่ช่วยปกป้องร่างกายคนเรา จากการติดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อโรคอื่นๆ ถ้าระบบนี้มีปัญหาหรือบกพร่อง อาจทำให้เกิดผลกระทบที่มีทั้งเบาๆหรือรุนแรงต่อร่างกายได้เสมอ ดังนั้นการติดเชื้อบ่อยขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) บกพร่อง ร่างกายก็จะไม่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และไม่สามารถหยุดการติดเชื้อในระยะแรกได้ดีเท่าที่ควร การติดเชื้อจึงอาจเกิดขึ้นบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงวัย เพราะร่างกายไม่มีการป้องกันที่แข็งแรงจากเชื้อโรคที่เข้ามาใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นบ่อเกิดของโรคที่ร้ายแรงต่อเนื่องมาได้ครับ
สำหรับการติดเชื้อที่รุนแรงและยืดเยื้อ ซึ่งก็สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ที่ไม่ทำงานได้ดี อาจทำให้เชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายเติบโตได้โดยไม่ถูกหยุดยั้ง ส่งผลให้การติดเชื้อที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงขึ้น และไม่สามารถหายได้เร็วเหมือนเดิม เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือโรคผิวหนัง อาจกลายเป็นอาการที่ยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งความสามารถในการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บลดลง
ระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ยังมีบทบาทในการซ่อมแซมร่างกายหลังจากการบาดเจ็บ เช่น บาดแผลจากการตกหรือการผ่าตัด ถ้าระบบภูมิคุ้มกันนี้บกพร่อง ร่างกายอาจไม่สามารถฟื้นตัวได้ดีเท่าที่ควร เพราะการกระตุ้นให้เซลล์ทำการซ่อมแซมหรืออักเสบ เพื่อให้แผลหายช้าลง หรืออาจไม่เกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสมได้อีกเช่นกัน
เจ้าภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ที่บกพร่องนี้ ยังสามารถทำให้เกิดโรคเรื้อรังบางประเภท เช่น โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อ HIV หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด หากไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทันที ร่างกายอาจตกอยู่ในภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถจัดการได้ดี จึงทำให้เกิดโรคเรื้อรังขึ้นได้หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย
นอกจากนี้ปัญหาการอักเสบที่ผิดปกติในบางกรณี หากภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ทำงานไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการอักเสบที่มากเกินไปหรือยาวนานเกินไป นี่ก็จะนำไปสู่การเกิดโรคอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวงได้ ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะเริ่มโจมตีเซลล์ของร่างกายเอง แทนที่จะปกป้องจากสิ่งแปลกปลอม จะเห็นว่าการบกพร่องของภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ยังสามารถทำให้ร่างกายไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรคที่ร้ายแรงได้ดี เช่น เชื้อแบคทีเรียที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) หรือการติดเชื้อในอวัยวะภายใน เช่น ปอด (Pneumonia) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นี่คือความร้ายกาจของการบกพร่องของเจ้าภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด
หากจะยกตัวอย่างของโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบกพร่องของภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) ก็ยังมีหลายโรคทีเดียว เช่น โรคมะเร็ง เมื่อระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่ผิดปกติได้ เซลล์มะเร็งก็สามารถเติบโตและแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายของผู้ป่วยนั้นอ่อนแอลงไป หรือโรคเอดส์ (HIV/AIDS) ซึ่งมาจากภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดไม่ได้บกพร่องโดยตรงในโรคนี้ แต่มันมีผลกับการทำงานของภูมิคุ้มกันทั้งหมด เมื่อร่างกายได้รับการติดเชื้อ HIV ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดจะค่อยๆ ถูกทำลายและไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ
เราลองมาดูว่าวิธีการดูแลรักษาระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) เพื่อไม่ให้เป็นเหตุให้เจ้าภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดบกพร่องลง แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มากมายในแง่ของพันธุกรรม แต่เราก็สามารถช่วยเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันนี้ทำงานได้ดีขึ้นได้ โดยการรักษาสุขภาพให้ดี เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามิน C, D, และสังกะสี ก็สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้มันบกพร่องได้ หรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด หรือการนอนหลับที่เพียงพอ เพราะการนอนหลับที่เพียงพอ เป็นการฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงความเครียด ที่สามารถเพื่อประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันได้ ดังนั้นการผ่อนคลายและการจัดการกับความเครียดจึงมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด ไม่ให้บกพร่องได้นั่นเองครับ
จะห็นว่าภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด(Innate Immunity) เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อและโรคต่างๆ เมื่อระบบนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่หรือบกพร่อง จะทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อบ่อยขึ้น หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการเกิดโรคเรื้อรังหรือการอักเสบที่ผิดปกติ ดังนั้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและการรักษาภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดให้ทำงานได้ดี จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นพวกเราชาวหัวสีดอกเลาทั้งหลาย จึงต้องมั่นดูแลตนเองให้ดี หากร่างกายเรามีการพัฒนาในทางที่ย่ำแย่ลง อะไรที่มันผิดปกติในตัวเรา ก็ควรต้องไปพบแพทย์นะครับ ......อย่าเกรงว่าลูกหลานจะบ่นว่าเราสำออย แล้วจึงไม่ยอมไปหาหมอละครับ