ประจานตัวเอง แผนจัดหา “วัคซีนโควิด” เหลว

06 ก.ค. 2564 | 18:38 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2564 | 17:46 น.
3.0 k

ประจานตัวเอง แผนจัดหา “วัคซีนโควิด” เหลว : คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3694 ระหว่างวันที่ 8-10 ก.ค. 2564 โดย...กาแฟขม

*** ประเทศไทยยังคงติดอยู่ในวิกฤติโควิด-19 โดยไม่มีทีท่าหลุดพ้นในระยะอันใกล้ 6 เดือนถึงปีนี้ โดยเฉพาะสถานการณ์ติดเชื้อที่เข้าขั้นวิกฤติสูงสูงสุด แนวรับแรกผู้ป่วยรายใหม่ 5 พัน-1 หมื่นคน ที่จะเกิดในเดือนนก.ค.นี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญประเมิน ล่าสุด ศบค. รายงานวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวม 6,166 ราย มาจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,082 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 84 ราย ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 260,370 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 50 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,404 ราย หายป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 196,011 ราย 

 

หลายฝ่ายบอกใม่ไหวแล้ว หมอ พยาบาล นักรบแนวหน้า รับมือวิกฤติรอบนี้เต็มกำลัง เวลาพักผ่อนน้อย เป็นลม ล้มพับไปหลายราย เตียงพยาบาล การครองเตียงเต็ม 100% ในพื้นที่ กทม. สงขลา ขณะที่พื้นที่สีแดงอื่นก็ปริ่มเต็มที เครื่องช่วยหายใจปริ่มเช่นเดียวกัน ว่ากันว่าสถานการณ์นำพาไปสู่การต้องตัดสินใจให้ใครอยู่ให้ใครตายกันแล้วเหมือนที่เคยเกิดในอิตาลีรอบแรก

 

*** สถานการณ์วิกฤติแบบนี้ แน่นอนย่อมมีการถามหาผู้รับผิดชอบกันระงม เป้าใหญ่อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ ก็คงยากที่จะบ่ายเบี่ยงปฏิเสธ เมื่อดูจากการบริหารจัดการในแต่ละเรื่องของการจัดการโควิด-19 โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนที่ประเมินสถานการณ์พลาด ที่ไม่สนใจเจรจาวัคซีน mRNA ทั้ง ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ตั้งแต่ต้น ครั้นมาปรับแผนภายหลัง ก็ไม่ทันกับสถานการณ์แถมไม่เร่งรัดจัดการบริหารในสถานการณ์วิกฤติ ลด ลัด ขั้นตอน แถมผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เมื่อจวนตัวก็โบ้ยก็โยนไปให้คณะหมอเป็นผู้จัดหาวัคซีน 

 

บรรดาคุณหมอเมื่อถูกโยนก็อดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาบอกว่าให้ข้อมูลทางวิชาการเท่านั้น การจัดหาจัดซื้อเป็นหน้าที่รัฐบาลตัดสินใจ สุดท้ายไม่รู้ลงที่ใคร ก็ต้องโทษย้อนกลับไปว่า มีการเสี้ยมให้อาจารย์หมอ กับ รัฐมนตรีสาธารณสุขทะเลาะกัน ทั้งที่ข้อมูล ข้อเท็จจริงออกมาจากปาก จากคำแถลงของรมต.ทั้งนั้น

*** เรื่องวัคซีนทางเลือกก็เช่นกัน “รมต.สาธารณสุข” บอกเป็นแค่สะพานให้เอกชนไปจัดหา แต่ข้อเท็จจริงต้องให้องค์กรของรัฐเป็นผู้เซ็นสัญญา ร่างสัญญา แถมยังแปลกใจที่มีคนจอง “วัคซีนโมเดอร์นา” ผ่านเอกชนล้นหลาม ทั้งที่ไม่ควรแปลกใจ ที่แห่จองแบบนั้น ด้วยเหตุเขาต้องพึ่งตัวเอง ในการหาวัคซีนที่มีคุณภาพในการสู้กับโควิด-19 ประจานตัวเองที่ไม่สามารถจัดหาวัคซีนคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับเขาได้ 

 

จะให้เขาดุ่มๆ ไปฉีด “ซิโนแวค” ที่ท่านจัดหามาจนล้นหลามได้อย่างไร ในเมื่อข้อมูลที่เชื่อถือได้ บอกว่าแม้จะเข็ม 2 ซิโนแวคแล้ว ยังไม่สามารถเอาอยู่กับสายพันธุ์อินเดีย ที่ระบาดฉกาจฉกรรจ์อยู่ในห้วงเวลานี้ และทางภาคเอกชนเขาก็ไม่ได้ “จองทิพย์” แต่จองจริงพร้อมจ่ายจริง แต่ติดที่หน่วยงานรัฐนั่นแหล่ะ ทำให้ล่าช้า เสียกระบวนการกันไปทั้งหมด แล้วยังมาโบ้ยเรื่องให้คนอื่นร่ำไป

 

*** วิกฤติโควิด-19 รอบนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการ เด็ดขาด เข้มแข็ง เปลี่ยนแนวทางจากเชิงรัฐเป็นเชิงรุก ไม่มีทางแก้ได้ รุกอย่างไร ต้องมีคณะในการจัดหาวัคซีนใหม่ 

 

เอากันชัดๆ ทีมนี้ มีทูตไทยในประเทศผู้ผลิตวัคซีน มีผู้แทนอัยการสูงสุด ผู้แทนหมอที่ได้รับความเชื่อถือ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนรพ.เอกชน คณะนี้ต้องมีอำนาจใช้อำนาจตามกฎหมายสาธารณสุขทั้งปวง มีอำนาจเจรจา จัดหา ร่างสัญญา โดยลด ละเลิก ขั้นตอนราชการทั้งหมดที่มีอยู่

หากใครยังขวางก็ต้องกล้าปลด กลัวอะไร มีอำนาจเต็มมือ นายกฯจะต้องช่วยด้วยการ call กับผู้นำประเทศผู้ผลิตวัคซีนเพื่อขอการสนับสนุน ต่อสายตรงกับซีอีโอบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อลดขั้นตอนความยุ่งยาก กฎ ระเบียบต่างๆ ลงเป็นการหนุนเสริม ไม่ใช่เจรจาแล้วรอผลิตเหมือนกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงมา 

 

แต่บางที่ผลิตมาแล้วใช้ไม่ทัน ต้องตัดสต็อกไปทางอื่น ทำทุกทางยืมมาก่อนก็ต้องทำให้ได้ ประเทศนั้นสั่งมาเกินลุยคุยกับผู้นำประเทศเขาเอามาก่อน ต้องไม่ให้คนไทยรอรับชะตากรรมไม่มีวัคซีนคุณภาพ ลองทำดู กล้าๆ หน่อย ถ้าไม่ทำ จะมีโอกาสให้ทำน้อยลงๆ เข้าทุกวัน รู้หรือยัง 

 

*** เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติภัย เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้โรงงาน หมิงตี้ เคมีคอล ซอยกิ่งแก้ว 21 บางพลีใหญ่ บางพลี สมุทราปราการ ถังเคมีระเบิด เพลิงไหม้อย่างรุนแรงมีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บนับสิบราย แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง ช่วงค่ำวันที่ 5 ก.ค.ยังไม่สามารถควบคุมได้ และยังมีคลังสารเคมีอีก 2 หมื่นลิตรที่เจ้าหน้าที่ต้องฉีดโฟมหล่อเลี้ยงไว้ ไม่ให้ลุกลามไปเกิดเป็นระเบิดตูมใหญ่ซ้ำขึ้นมา พร้อมอพยพคนในรัศมี 5 กม.ออกจากพื้นที่ บริษัทหมิงตี้จดทะเบียนในไทยปี 2532 คนจีนเป็นผู้ถือหุ้นและบริหาร ก็ขอให้ผ่านพ้นโพยภัยไปได้ด้วยกันด้วยเถิด