จับตาจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ “ซีเรีย” หลังกบฏยึดอำนาจ โค่นระบอบอัสซาดสำเร็จ

10 ธ.ค. 2567 | 18:30 น.

ระบอบอัสซาดล่มสลายหลังกลุ่มกบฏยึดอำนาจ เปิดฉากใหม่ซีเรียหลังสงครามกลางเมืองยาวนาน 13 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอนาคตประเทศ ความพยายามจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล และแรงกดดันจากนานาชาติที่จับตาทุกความเคลื่อนไหว

สถานการณ์ในซีเรียเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง กลุ่มกบฏนำโดยเครือข่าย ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) โค่นล้มประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ปกครองยาวนานถึง 13 ปีลงอย่างฉับพลันภายในเวลาเพียง 12 วัน เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในตะวันออกกลาง ทั้งในแง่การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อัสซาดและครอบครัวซึ่งปกครองซีเรียมากว่าครึ่งศตวรรษ ได้ลี้ภัยไปยังมอสโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากถูกกดดันจากการโจมตีอย่างรุนแรงของกองกำลังกบฏ การพังทลายของระบอบการปกครองที่ถูกมองว่าเข้มงวดและโหดร้ายจุดประกายความหวังให้ชาวซีเรียที่หวังเห็นเสรีภาพและประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความกังวลในระดับนานาชาติ

สภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประชุมฉุกเฉินในคืนวันจันทร์เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยรัสเซีย หนึ่งในพันธมิตรสำคัญของระบอบอัสซาด แสดงความประหลาดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วาสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำ UN กล่าวว่าทุกฝ่ายต้องรอและจับตาดูทิศทางของสถานการณ์อย่างระมัดระวัง

 

รัฐบาลเปลี่ยนผ่านเริ่มต้น

เมื่อวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีโมฮัมหมัด จาลาลี ของซีเรียประกาศยอมรับการส่งมอบอำนาจให้แก่รัฐบาลกู้ภัยซึ่งนำโดยกบฏ HTS โดยมีนายโมฮัมเหม็ด อัล-บาเชียร์ เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารคนใหม่ อย่างไรก็ตาม กระบวนการส่งมอบอำนาจอาจใช้เวลาอีกหลายวัน

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของกลุ่ม HTS ซึ่งพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์จากการเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ มาเป็นกลุ่มที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลก

ประชาชนหวังอนาคตที่ดีกว่า

ที่กรุงดามัสกัส บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความยินดี พลเมืองและนักรบกบฏบางคนในจัตุรัสอูมัยยาดกล่าวถึงความหวังในการฟื้นฟูประเทศ อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อการล้างแค้นและการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังคงมีอยู่ HTS ประกาศว่าจะเปิดเผยรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรมานประชาชนซีเรีย พร้อมเสนอรางวัลสำหรับผู้ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม

ในขณะที่การส่งมอบอำนาจยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น มีสัญญาณบางอย่างที่ชี้ถึงความพยายามในการฟื้นฟูความเป็นระเบียบ ธนาคารในซีเรียเตรียมกลับมาเปิดทำการในวันอังคารนี้ ขณะที่กระทรวงน้ำมันขอให้พนักงานกลับมาทำงานพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัย

ในเวทีระหว่างประเทศ สหรัฐฯ และพันธมิตรในภูมิภาค เช่น ตุรกี เริ่มติดต่อกับกลุ่มกบฏเพื่อเจรจาทางการทูตเบื้องต้น ฝรั่งเศสและเยอรมนีแสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้ปกครองใหม่ของซีเรีย แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเคารพสิทธิมนุษยชนและปกป้องชนกลุ่มน้อย

ขณะเดียวกัน จีน ซึ่งเคยสนับสนุนระบอบอัสซาดต้องเผชิญกับการประเมินบทบาทของตนใหม่ในตะวันออกกลาง หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรของอัสซาดทั้งรัสเซียและอิหร่านต้องสูญเสียอิทธิพล

อีกด้านหนึ่ง อิสราเอลฉวยโอกาสยึดพื้นที่กันชนในภาคใต้ของซีเรีย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกประณามจากหลายประเทศในภูมิภาค เช่น ซาอุดีอาระเบียและอียิปต์ อิสราเอลยืนยันว่าการโจมตีของตนมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันภัยคุกคามเท่านั้น

แม้ว่าการโค่นล้มระบอบอัสซาดจะเป็นชัยชนะของประชาชนซีเรีย แต่ความท้าทายในการฟื้นฟูประเทศยังคงอยู่ การรวมกลุ่มกบฏที่แตกแยก การจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และการสร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและประชาชนล้วนเป็นภารกิจใหญ่

 

“ซีเรียกำลังมุ่งหน้าไปสู่การฟื้นฟูอนาคตที่ดีกว่า แต่หนทางนี้ยังเต็มไปด้วยอุปสรรคที่ต้องร่วมกันก้าวข้าม” ทูตซีเรียประจำ UN กล่าว