ซีเรียที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของระบอบอัสซาดมากว่าครึ่งศตวรรษ กำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากกลุ่มกบฏที่นำโดย "ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม" (Hayat Tahrir al-Sham - HTS) และพันธมิตรสามารถยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ เปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศที่เต็มไปด้วยสงคราม ความขัดแย้ง และความสูญเสียมาอย่างยาวนาน
การล่มสลายของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นจุดสิ้นสุดของยุคเผด็จการที่ดำรงอยู่กว่า 53 ปี ครอบครัวอัสซาดขึ้นครองอำนาจในปี 2513 เมื่อ ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ผู้พ่อก่อรัฐประหารและยึดอำนาจ ก่อนส่งต่ออำนาจให้ลูกชายในปี 2543 แต่เส้นทางการปกครองของบาชาร์เต็มไปด้วยความรุนแรงและความไม่สงบ
ย้อนกลับไปในปี 2554 การลุกฮือเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสงบของประชาชนซีเรียถูกตอบโต้ด้วยความรุนแรงจากรัฐบาล ส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อถึง 13 ปี คร่าชีวิตประชาชนกว่า 500,000 คน และทำให้ผู้คนกว่า 12 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านของตัวเอง
ข่าวการหลบหนีของอัสซาดสร้างความตื่นตัวไปทั่วโลก ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค.2567) กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเผยว่า บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำรัฐบาลซีเรีย ได้ลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกนอกประเทศอย่างเป็นทางการ โดยสื่อรัสเซียรายงานว่า บาชาร์เดินทางถึงกรุงมอสโกและยื่นคำร้องขอลี้ภัย ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดหลังกลุ่มกบฏยึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จในเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ชัยชนะของกลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม และพันธมิตร ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการโจมตีที่ต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการยึดเมืองอเลปโปในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ จากนั้นกลุ่มกบฏเคลื่อนกำลังลงใต้สู่กรุงดามัสกัส ผ่านเมืองสำคัญอย่างฮามาและฮอมส์
การรุกคืบเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกองทัพรัฐบาลซีเรียอ่อนแอลงจากสงครามที่ยาวนาน รวมถึงการขาดการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพันธมิตรสำคัญอย่างรัสเซียและอิหร่าน อิสราเอลยังมีบทบาทในการโจมตีที่ส่งผลต่อกำลังของกองทัพรัฐบาล โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศที่เล็งเป้าหมายไปยังผู้บัญชาการทหารของอิหร่านในซีเรีย
ในที่สุด กลุ่มกบฏเข้าสู่กรุงดามัสกัสในเช้าวันอาทิตย์ และประกาศยุติระบอบการปกครองของอัสซาดอย่างเป็นทางการ และปล่อยตัวผู้ต้องขังจำนวนมากจากเรือนจำแซดนายา ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อในด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ชาวซีเรียจำนวนมากกล่าวว่า การล่มสลายของระบอบอัสซาดเป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลังจากต้องทนอยู่ภายใต้การกดขี่มายาวนาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตที่จะตามมา
กลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม ซึ่งเคยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ ประกาศว่าจะสร้างรัฐบาลใหม่ที่ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศที่เต็มไปด้วยความแตกแยก
อัล-จาวลานี ผู้นำของ HTS กล่าวว่าการปฏิวัติครั้งนี้ไม่ใช่แค่การโค่นล้มระบอบอัสซาด แต่ยังเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ตั้งอยู่บนฐานของ "การเคารพความหลากหลายและความปรารถนาของประชาชนซีเรีย"
การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาดเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของซีเรียไปตลอดกาล แต่การสร้างประเทศใหม่หลังสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานไม่ใช่เรื่องง่าย ความท้าทายยังคงอยู่ในรูปของกลุ่มติดอาวุธที่แตกแยก และการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายอย่างหนัก
ประชาคมระหว่างประเทศต่างจับตาดูทิศทางของซีเรียอย่างใกล้ชิด หลายประเทศยังกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของ HTS และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มกบฏด้วยกันเอง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ และสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิมนุษยชนและดำเนินการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ