"เศรษฐา ทวีสิน" เจ้าพ่ออสังหาฯสู่ว่าที่นายกฯคนที่ 30

05 ส.ค. 2566 | 14:55 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2566 | 15:13 น.

ชื่อของ"เศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย วันนี้ยังมาแรง แม้ประธานรัฐสภา สั่งให้เลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 3 ออกไปก่อนก็ตาม

การจัดตั้งรัฐบาล เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น หลังนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่าพรรคเพื่อไทยมีมติเดินหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล และเสนอชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" เป็นแคนดิเดตนายกฯ 

เป็นการเสนอชื่อนายกฯที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย จากการเคลื่อนไหวของ"ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์"  ที่ออกตัวแรงฉายเดียวเปิดปฎิบัติการ"แฉเพื่อชาติ"ชี้เป้าไปที่"เศรษฐา ทวีสิน"สมัยดำรงตำแหน่งผู้บริหาร ทำนิติกรรมอำพรางเพื่อเลี่ยงภาษีนับ 500 ล้านบาท จากการขายที่ดินทำเลทองในย่านสารสิน
 

ก่อนหน้าชูวิทย์ เปิดแถลงข่าว ทาง"แสนสิริ" ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า บริษัท ซื้อที่ดินดังกล่าว อย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล อีกทั้งไม่ได้มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาทตามที่ "ชูวิทย์" กล่าวอ้าง

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาโต้ "ชูวิทย์"ทันควัน  พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า การเคลื่อนไหวของ “ชูวิทย์ “เป็นการเปิดประตูไปสู่การปฏิบัติการ "ล้มนิดชุบชีวิตใคร"

พร้อมยืนยัน “เศรษฐา”มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญ ขัดกฎหมายหรือจริยธรรมร้ายแรง  และท้า “ชูวิทย์”ให้ไปตรวจสอบข้อมูลที่กรมสรรพากรได้ตลอดเวลา

“เศรษฐา ทวีสิน” หรือ "นิด" เกิดวันที่ 15 ก.พ. 2506 เป็นบุตรคนเดียวของ ร.อ.อำนวย ทวีสิน กับชดช้อย จูตระกูล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ 

ปี 2529นายเศรษฐา เข้าทำงานที่พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เป็นเวลา 4 ปี ต่อมาได้ย้ายไปทำงานที่ บจก. แสนสำราญ ของอภิชาติ จูตระกูล ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. แสนสิริ และนายเศรษฐา ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทดังกล่าว

ในเดือนพ.ย. 2565 “เศรษฐา” ได้ประกาศสมัครเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย และมี.ค.ปีต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทำให้“เศรษฐา” ลาออกจากบมจ.แสนสิริโดยไม่รับเงินเดือน พร้อมโอนหุ้นที่เคยถืออยู่ในบริษัทจำนวน 13 แห่ง ให้บุคคลอื่น รวมถึงชนัญดา ลูกสาวคนเล็ก

“เศรษฐา” ได้รับการเสนอชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับแพทองธาร ชินวัตร และชัยเกษม นิติสิริ 

 วันที่ 3 มี.ค.66 "เศรษฐา" ประกาศชัดเจน เขาต้องได้ตำแหน่ง นายกฯ เท่านั้น รองนายกฯก็ไม่เอา โดยให้เหตุผลว่าเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้ 

"ถ้าผมได้โอกาส ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ผมจะอุทิศเวลาทั้งหมดของผม ทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ทำนโยบายให้เป็นจริง นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศ คืนศักดิ์ศรี คืนความมั่นคั่ง คืนความภาคภูมิใจให้คนไทย เพื่อส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานของพวกเราทุกคน"

ต้องลุ้น" เศรษฐา ทวีสิน"จากนักธุรกิจอสังหาฯ จะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกคนที่ 30 ของประเทศไทยได้สำเร็จหรือไม่!!