“ดีเอสไอ”แจงเหตุผลบอร์ด กคพ. รับฟอกเงินฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

06 มี.ค. 2568 | 20:44 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2568 | 20:50 น.

“ดีเอสไอ”แจงบอร์ด กคพ. มีมติให้กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. 2567เป็นคดีพิเศษ

วันนี้ (6 มี.ค.68) สอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) ในวันนี้ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จัดการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานกรรมการคดีพิเศษ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมประชุมในฐานะกรรมการคดีพิเศษ และมี พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 18 คน 

การประชุมวันนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ในวาระเพื่อพิจารณากรณีร้องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 (สำนวนสืบสวนที่ 151/2567) เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการคดีพิเศษที่จะพิจารณา ซึ่งที่ประชุมได้อภิปรายและมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษนำเรื่องกลับไปรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และเสนอเรื่องผ่านอนุกรรมการกลั่นกรอง  ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษอีกครั้งในวันนี้


ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เสนอความเห็นว่า กรณีนี้พบมูลความผิดทางอาญาฐานอั้งยี่ ซึ่งความผิดอาญาฐานอั้งยี่ เป็นความผิดมูลฐานของความผิดอาญาฐานฟอกเงิน 
โดยคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2565 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กำหนดรายละเอียดความผิดไว้ และอยู่ในหน้าที่และอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่จะพิจารณามีคำสั่งให้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้ 

                         “ดีเอสไอ”แจงเหตุผลบอร์ด กคพ. รับฟอกเงินฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

แม้คดีอาญามูลฐาน คือ ฐานอั้งยี่ จะเป็นคดีอาญาอื่นที่มิใช่คดีพิเศษ แต่เนื่องจากยังมีประเด็นข้อสงสัยว่า การคิดมูลค่าความเสียหายหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานอั้งยี่นั้น มีมูลค่าตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไปหรือไม่อย่างไร 


จึงขอเสนอเรื่องให้คณะกรรมการคดีพิเศษวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา 21 วรรคห้า และขอแก้ไขชื่อเรื่อง เป็นกรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงิน ของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เสนอมาพิจารณา 

หลังจากการประชุม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ให้เปลี่ยนชื่อเรื่องตามเสนอ และมีมติชี้ขาดให้ กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอมา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 

ส่วนคดีอาญาใดที่ต่อเนื่อง หรือเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษดังกล่าว เช่น คดีความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 รวมทั้งความผิดตามมาตรา 116 และการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 วรรคท้าย ย่อมเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคสอง ที่จะทำการสอบสวนต่อไปได้โดยไม่ต้องมีมติให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แต่อย่างใด

                      “ดีเอสไอ”แจงเหตุผลบอร์ด กคพ. รับฟอกเงินฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

อย่างไรก็ตาม หากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1) อันอยู่ในหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน กกต. ให้แจ้งสำนักงาน กกต.ทราบเพื่อพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจต่อไป