"ไพศาล"ชี้เพื่อไทยอันตรายกว่าก้าวไกล ลั่นหมดยุคสมัยของบูรพาพยัคฆ์

06 ส.ค. 2566 | 08:01 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2566 | 08:36 น.
2.8 k

"ไพศาล"ชี้เพื่อไทยอันตรายกว่าก้าวไกล ลั่นหมดยุคสมัยของบูรพาพยัคฆ์ ระบุนายทหารรุ่น 28 ที่แกนนำหลักทั้งหมดเป็นทหารคอแดงกำลังเข้าสู่อำนาจกองทัพ เผยมีแต่บัณฑิตหู้ยี้ที่จะกลัวกบฏน้ำลาย

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol โดยมีข้อความระบุว่า

หลอกแดกแหกตาต้มตุ๋น รอชะแง้เหลียวแลสร้างสวรรค์

1. ในท่ามกลางการล่มสลายของเศรษฐกิจ และความเดือดร้อนของประเทศและประชาชน ทุกคนก็ต้องเฝ้าตั้งตารอการตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ และอย่างเร็ว ก็ต้องเป็นวันที่ 17 สิงหาคม ว่าจะเลือกนายกได้หรือไม่ได้

ท่ามกลางสถานการณ์รอ บางพรรคที่ถือคิวจัดตั้งรัฐบาลยามนี้ตกเป็นเป้านิ่ง เหมือนสตรีนอกใจสามีในตะวันออกกลาง ที่ถูกจับมัดไว้กับเสา ให้ผู้คนเอาก้อนหินไปขว้างปา

ในยามนี้ จะมีใคร สามารถแก้ไขสถานการณ์ขับขัน และโดดเดี่ยวเดียวดาย นี้ได้บ้าง

ช่างอเนจอนาถนัก

ส่วนก้าวไกลในวันนี้ ก็พักรบขนานกับการเคลื่อนไหว 3 สนามรบ และเตรียมรับสถานการณ์ถูกยุบพรรค

รอสัญญานกันใช่ไหมเธอ

2.การแต่งตั้งทหาร กำลังเป็นประเด็นร้อน

แต่ดูเหมือนว่า ถึงรัฐบาลรักษาการจะแต่งตั้งทหาร แต่ยุคสมัยของบูรพาพยัคฆ์ กำลังอัสดงลงไปแล้ว นายทหารคอแดงและนายทหารรุ่น 28 ซึ่งแกนนำหลักทั้งหมดเป็นทหารคอแดง กำลังเข้าสู่อำนาจกองทัพ

3. ขบวนการผลักไสประชาชน ให้เป็นพวกล้มเจ้า อ่อนแรงลงมากแล้ว และเป็นฉันทามติแล้วว่า "การผลักไสประชาชนให้เป็นพวกล้มเจ้า เป็นการบ่อนทำลายสถาบันที่แท้จริง" และอาจเป็นอันตรายมากกว่าพวกล้มเจ้าตัวจริงเสียอีกอีก

4.นับแต่นี้ไป คนไทยทุกหมู่เหล่า ที่เห็นโฉมหน้าตาอยู่ยุคใหม่ชัดเจนแล้ว จะต้องหันหน้าเข้าหากัน สามัคคีกัน และกลับมาเป็นพสกนิกรของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน ดังเดิม ปัญหาทางการเมืองก็ให้นักการเมืองเขาว่ากันไป

5. ใครประเมินว่าก้าวไกล อันตรายกว่าเพื่อไทย ช่างไร้เดียงสานัก

เพื่อไทยได้อำนาจรัฐแล้วถึง 3 ครั้ง สามารถครองอำนาจรัฐได้เด็ดขาด จนต้องใช้การยึดอำนาจขับไล่ หากมีโอกาสครั้งใหม่ ไม่เกิน 6 เดือน ก็จะครองอำนาจรัฐได้อย่างแน่นหนาโดยเฉพาะทั้งตำรวจและทหาร รวมทั้ง"มาตรการป้องกันการถูกยึดอำนาจ"

ส่วนก้าวไกลอย่างมากก็แค่ต้องข้อหากบฏน้ำลาย ดังนั้นจึงมีแต่"บัณฑิตหู้ยี้" ที่จะกลัวกบฏน้ำลาย

หลงทางแล้วโยม