ถอดโมเดลธุรกิจ "เศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

13 ต.ค. 2565 | 11:15 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ต.ค. 2565 | 19:43 น.
1.8 k

ถอดโมเดลธุรกิจ"เศรษฐา ทวีสิน" เจ้าพ่อธุรกิจอสังหาฯ กับกุญแจ 3 ดอก สู่สนามการเมือง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย

 ความไวในธุรกิจ ปลุกกระแสสังคม และ มอบโอกาส อุ้มคนตัวเล็ก โดยมุ่งหวัง ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ กับ เจ้าพ่ออสังหาฯ สาย Call Out น่าจะเป็นคำนิยาม ที่แสดงตัวตน ของ "เศรษฐา ทวีสิน" หนึ่งใน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สายพรรคเพื่อไทย สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี 2566 ที่กำลังถูกจับตามอง ได้อย่างชัดเจนที่สุด

 

ชื่อของ"เศรษฐา ทวีสิน" ถูกปล่อยออกมาในภาวะการขับเคี่ยว และ แข่งขันอย่างรุนแรง ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลัง 'บิ๊กตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่อแวว หลุดวงโคจร เจอทั้งศึกภายนอกและภายใน 

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา ทวีสิน หรือ คุณนิด ชายรูปร่างสัดทัด สูงโปร่ง วัย 59 ปี  ที่มีน้ำเสียงเข้มกังวาน บุคลิกสันทัด สมาร์ท และน่ายำเกรง  ตามแบบฉบับ ซีอีโอ ชั้นแนวหน้าของธุรกิจเมืองไทย พร้อมเอกลักษณ์สำคัญ ถุงเท้าสีแดง คือ ภาพที่คุ้นเคยกันดี ของนักข่าวสายอสังหาริมทรัพย์

 

"เศรษฐา" ในฐานะ บิ๊กบอสของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เจ้าของพอร์ตอสังหาฯ มูลค่าหมื่นล้านบาทของประเทศไทย สร้างปรากฎการณ์ทางธุรกิจมากมาย อย่างกรณีล่าสุด กับการ ทุบสถิติปิดการขายโครงการ "นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา" บ้านระดับท็อป หลังละ 50 - 100 ล้านบาท ได้อย่างรวดเร็วที่สุดในไทย ด้วย 86 หลัง ในเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น 

โครงการ "นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา"
 

แต่ทว่า ทุกครั้งที่ "เศรษฐา"ในฐานะบอสใหญ่แห่งแสนสิริ ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อแต่ละครั้ง และไม่บ่อยนัก ไม่ได้มีแค่ประเด็นธุรกิจมาบอกเล่านักข่าว แต่ก็มักเปรยความเห็นต่อประเด็นร้อนทางการเมืองแบบเผ็ดร้อน ให้หมู่นักข่าว ตีเป็นข่าวใหญ่ และตามสืบเสาะแคะแกะเกากันต่อ

 

"เศรษฐา ทวีสิน" นักธุรกิจในเงาสนามการเมือง 

แม้เขาจะปฎิเสธทุกครั้ง ในการนำตัวเอง เข้าสู่ "สนามการเมือง" แต่ความเคลื่อนไหวหลายๆครั้ง ของคนเกี่ยวโยง โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย ก็ทำให้ชื่อของเขาไม่เคยหลุดจากเงาการเมือง โดยเฉพาะ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

 

ในแง่ความสำเร็จทางการเมืองนั้น คงจะต้องติดตามพัฒนาการกันต่อไป ว่า ท้ายที่สุด จะเป็นจริงตามข่าวหรือไม่ หรือ แค่โหมโรง เช็คเรตติ้งจากทั้งคนในพรรค และ ในกลุ่มประชาชน เพราะ ชื่อของ "เศรษฐา ทวีสิน" ก็ได้รับความนิยมสูง ในหมู่คนรุ่นใหม่ นิยมโซเชียลมีเดีย ไม่น้อย 

 

แต่ในแง่ของแนวคิดทางธุรกิจ คงต้องยอมรับว่า "เศรษฐา ทวีสิน" เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจไทย ที่มีความโดดเด่น และน่าศึกษาไม่น้อย จากภาพใหญ่ เจ้าพ่ออสังหาฯ สู่ ธุรกิจตัวใหญ่ อุ้มคนตัวเล็ก ลดความเหลื่อมล้ำ หนุนความแตกต่างในสังคม ขณะเดียว ก็เป็นผู้นำเทรนด์ ทางด้านเทคโนโลยี และ องค์กร Net-Zero รายแรกของอสังหาฯไทย ด้วยเช่นกัน 


โมเดลธุรกิจ สมดุล 3 ส่วน ของ "เศรษฐา ทวีสิน"

เกมธุรกิจของแสนสิริ ภายใต้การนำของ "เศรษฐา ทวีสิน" ไม่เคยเป็น 2 รองใคร แม้ผลประกอบการ ในช่วง 2 ปีโควิดที่ผ่านมา ยอดกำไรสุทธิ จากผลดำเนินการ จะลดน้อยถอยลงไปบ้าง แต่การปรับตัว เปลี่ยนเกม รับและรุก ได้อย่างรวดเร็ว ก็คงต้องยกให้ โดย ปี 2564 แสนสิริ มีรายได้  29,747 ล้านบาท และกำไร 2,017 ล้านบาท

 

ส่วนปี 2565 นั้น แสนสิริ ประกาศยุทธศาสตร์ตั้งแต่ต้นปี ภายใต้การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท ในระยะ 3 ปีข้างหน้า

 

แล้วอะไรคือความมั่นใจที่ว่า ...

 

ครั้งนั้น "เศรษฐา ทวีสิน" นำทัพแสนสิริ นำบริษัทจาก Year of Hope สู่ “STEP BEYOND” ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญ 

  • PROFIT มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และความแข็งแกร่งขององค์กรด้วยแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท  ซึ่งถือว่ามีความท้าทายไม่น้อยในยามที่เศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว 
  • PEOPLE ดำเนินธุรกิจ โดยให้ พนักงาน ลูกค้า และสังคม เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญ
  • PLANET เดินหน้าพันธกิจสีเขียว วางเป้าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่วางเป้าหมายเป็น Net-zero องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ 

เศรษฐา ทวีสิน

ผสาน 2 ธุรกิจห่วงโซ่ใหญ่ ที่อยู่อาศัยและโรงแรม

ผ่านไป 9 เดือน วัดความสำเร็จ บมจ.แสนสิริ ประกาศข่าว โดยคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายไตรมาส 3 ในปีนี้ ทะลุ 15,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 145%ซึ่งเป็น New High ทุบสถิติการสร้างยอดขายได้สูงที่สุดในไตรมาสเดียว ของรอบ 3 ปี อย่างสวนกระแสเศรษฐกิจ พร้อมพ่วงความสำเร็จ ในตำแหน่ง  “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” ชูความโดดเด่นในคุณภาพ ผู้นำดีไซน์และฟังก์ชัน และการบริการ หรือ Sansiri Service และเปรยว่า แสนสิริอาจมีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้ายอดขายปี 65 จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ 35,000 ล้านบาท เป็นเป้าหมายที่มูลค่าสูงขึ้นไปอีก 

 

ขณะโมเดลธุรกิจของแสนสิริ ที่แยบยลน่าจับตาอย่างมาก คือ การเข้าไปลงทุน ในกลุ่ม 'เดอะ แสตนดาร์ด (The Standard) แบรนด์โรงแรมดัง จากฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นชื่อความเป็นแฟชั่น ดีไซน์ โฮเทล ภายใต้ หน่วยธุรกิจใหม่ ก่อนขยับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ถึง 62% สร้างเสียงฮือฮา กับการดันโรงแรม The Standard หัวหิน เข้าสู่ตลาดประเทศไทย และพลิกโฉม ตึกมหานครกลางกรุง สู่ โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ซึ่งเป็นการร่วมกับกลุ่มคิง เพาเวอร์ รับช่วงต่อพลิกโฉมและบริหาร

 

สำหรับโอกาสกับแผนธุรกิจโรงแรมในไทย นอกจากจะเข้ามาเกื้อหนุนต่อยอดในหน่วยธุรกิจที่อยู่อาศัยแล้ว"เศรษฐา ทวีสิน" ยังเผยว่า อสังหาฯจะเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจสำคัญ ที่รัฐต้องเร่งเหลียวมองและให้ความสำคัญสูงสุด หากไม่อยากตกขบวน

เศรษฐา ทวีสิน

" อสังหาฯในไทยจะเดินต่อไปไม่ได้ หากประเทศไม่เติบโต วันนี้ การขยับของพอร์ตโรงแรม สแตนดาร์ด กำลังทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองเล็กๆ สร้างความโดดเด่นและเม็ดเงินหมุนเวียนให้ระบบเศรษฐกิจไทย" เศรษฐา กล่าว


 แสนสิริ กับ จุดยืนเรียกคะแนน :  ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

 

" เพราะคนตัวใหญ่ ต้องช่วยคนที่อ่อนแอกว่า..."  เป็นวาทกรรม ที่ได้ยินคุ้นหู จากคำกล่าว ของ เศรษฐา ทวีสิน ซีอีโอแสนสิริ ในยุคหลังๆ โดยเฉพาะ ประกาศว่า มีเป้าหมายอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างคนรวยกับคนจน ที่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ช่องว่างห่างขึ้น 

 

เศรษฐา ผลักดัน แนวทางการทำธุรกิจ ในรูปแบบเกื้อหนุนสังคม และเกิดภาพมุมบวก น่าสนับสนุนในหน้าสื่อรายเดือน เช่น กรณีล่าสุด กับ การประกาศใช้พื้นที่ Sansiri Backyard ที่ T77 Community เป็นตลาดขายสินค้าเกษตรกลางกรุง อุดหนุนผลผลิตทางการเกษตรที่ราคาตกต่ำ อย่าง 'ขิง' จากเกษตรกรภาคเหนือ ที่กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก ขาดคนรับซื้อ อุดหนุนกว่า 80,000 กิโลกรัม นำแจกจ่ายไปแล้วแก่ให้ลูกบ้าน บริษัทในเครือ พันธมิตร และองค์กรต่างๆกว่า 30 แห่ง

ถอดโมเดลธุรกิจ \"เศรษฐา ทวีสิน\" แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

ขณะ ปีที่ผ่านมา แสนสิริ เผยว่า ภายใต้โครงการ “No One Left Behind” “แสนสิริ ไม่ทอดทิ้งใคร” ได้อุดหนุนแตงโมกว่า 14 ตัน จากเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ และลำไย 12 ตัน จากจังหวัดลำพูน เพื่อมาแจกจ่ายให้กับลูกบ้านแสนสิริกว่า 1,000 ครัวเรือน และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด รวมถึงมะม่วงจากเกษตรกรกว่า 6 ตัน ส่งไปช่วยเลี้ยงช้างที่จังหวัดเชียงใหม่ เป้าหมาย เพื่อเดินหน้าช่วยเหลือสังคมทุกระดับอย่างต่อเนื่องอีกด้วย 


ย้อนไปครั้งหนึ่ง นายเศรษฐา เคยกล่าวถึง ความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจ-สังคมไทย ไว้ ว่า...

 

"  สำหรับในประเทศไทย วิกฤติโควิดในไทยครั้งนี้ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของเศรษฐกิจ-สังคม ในสัดส่วนที่ “ห่าง” ออกจากกันเยอะขึ้นดังนั้น ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจสังคม ที่เกิดขึ้นหลังโควิด จึงเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะจะทำให้ความเท่าเทียมยิ่งถูกลิดรอน คนรวยรวยขึ้น คนจนจนลง " 

 

" การพยุงเศรษฐกิจ ภาครัฐควรมีการจัดกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิดและขาดรายได้ ควบคู่ไปกับการพักชำระหนี้ การพยุงราคาสินค้าและประกันราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และอ้อย รัฐบาลต้องช่วยรับภาระในการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับไปสร้างผลิตผลทางการเกษตร แทนที่จะรอเงินช่วยเหลืออย่างเดียวและประชาชนจะได้พอเลี้ยงตัวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ "


การปลุกกระแสความนิยมในหมู่ประชาชน ของ เศรษฐา และ ฝังแบรนด์ แสนสิริ ให้อยู่ในใจลูกค้า และ พันธมิตร ยังมาจากการประกาศตัวเอง เป็นกลางทางความหลากหลายทางเพศ ในฐานะองค์กรแรกในประเทศไทย ที่ได้ร่วมลงนามในสัญญา UN GlobalStandards of Conduct for Business สนับสนุนความหลากหลายและความเท่าเทียมในองค์กรให้กับพนักงาน และพันธมิตรคู่ค้าที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBT ซึ่งคราวนั้น ได้รับคำชื่นชม ยอมรับในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างมากเช่นกัน 

เศรษฐา ทวีสิน

หากไม่คิดมาก นี่อาจจะเป็นโมเดลการดำเนินธุรกิจในโลกใหม่ ที่วันนี้ความสำเร็จจะไม่ได้ถูกวัดด้วยตัวเลขผลกำไรเท่านั้น อย่างที่นายเศรษฐาระบุไว้  แต่ จะถูกตัดสินจากความสามารถในการสร้างสรรค์ สร้างความยั่งยืนให้กับทั้งภายในองค์กร และ ภายนอก โดยต้องไม่ลืม ช่วยเหลือ อุ้มชูสังคม เมื่อมีโอกาส ... แต่ทั้งหมดที่เล่ามาข้างต้น ก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า นี่อาจจะเป็นประตูเส้นทาง ที่ทำให้ 'เศรษฐา ทวีสิน' เจ้าพ่ออสังหาฯคนนี้ เดินทางสู่ 'เวทีการเมือง' ในสนามเลือกตั้ง ปี 2566 ได้ไม่ยากนักเช่นกัน ....