ดังนั้น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีดีลกับ BOI ไว้ (นานแล้ว) ต่างขยับเทคโนโลยีมายังไฮบริดกันเกือบทั้งหมด ซึ่งใครอยากได้สิทธิ์ประโยชน์เต็มๆ ในทุกด้าน โดยเฉพาะการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลรายปี คุณต้องลงทุนขึ้นไลน์ประกอบในประเทศ พร้อมทำตามเงื่อนไขต่างๆ
หลังจากแพกเกจอีโคคาร์ เฟส 2 จบลง ก็มาต่อเนื่องกับรถไฮบริดได้ทันที (หลายค่ายทำทับซ้อนกันไปเลย เพราะนำยอดผลิตมารวมกันได้) เราจึงเห็น มินิเอ็มพีวี Mitsubishi Xpander มาประกอบไทยกับขุมพลังไฮบริดใหม่ (แต่ที่อินโดนีเซีย ยังประกอบรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เหมือนเดิม) และถัดจากนี้ อีกประมาณ 1 ปี เราคงจะได้เห็นเอสยูวี XForce HEV จากโรงงานศรีราชา จ.ชลบุรี ตามออกมาอีกรุ่น
สำหรับ Mitsubishi Xpander HEV และ Xpander Cross HEV เปิดตัวแบบเวิลด์พรีเมียร์ในไทย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ปัจจุบันมียอดจองกว่า 4,000 คัน และทยอยส่งมอบไปแล้ว 2,500 คัน
ผมมีโอกาสได้ลองขับ Mitsubishi Xpander HEV ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กับมินิเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ซึ่งเคยเป็นเจ้าตลาด กวาดยอดขายเดือนละกว่า 1,000 คัน จนกระทั่งปี 2565 ต้องมาเจอกับคู่แข่งเบอร์ใหญ่ Toyota Veloz วางเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร นำเข้าจากอินโดนีเซียเหมือนกัน แต่ทำราคาได้ดี และใส่ฟังก์ชันมาเต็มพิกัด
อย่างไรก็ตาม Mitsubishi Xpander ที่ไมเนอร์เชนจ์ช่วงต้นปี 2565 ปรับทั้งรูปลักษณ์ภาย นอก-ภายใน พร้อมเซ็ตช่วงล่างและเกียร์ใหม่ เปลี่ยนมาใช้ CVT มีเบรกมือไฟฟ้า ออโต้เบรกโฮลด์ ก็ดูไม่ขี้เหร่ครับ สามารถแข่งขันกับ Toyota Veloz ที่เปิดตัวในช่วงเวลาใกล้เคียงกันได้
สำหรับ Mitsubishi Xpander HEV ระบบฟูลไฮบริดใหม่ ราคาไม่ได้ขยับขึ้นมากเมื่อเทียบกับรุ่น GT เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเดิม กับค่าตัว 9.33 แสนบาท แถมตอนเปิดตัวยังทำราคาแนะนำที่ 9.12 แสนบาท
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เลือกใช้ระบบฟูลไฮบริดที่หลักการทำงานออกแนวไฮบริดแบบซีรีส์ เสียเป็นส่วนใหญ่
กล่าวคือ ช่วงออกตัวเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร มีหน้าที่หลักคือ ปั่นไฟผ่านเจเนอเรเตอร์ ส่งไปที่ชุดแพกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 1.1 kWh ส่วนหน้าที่ขับเคลื่อนรถเป็นของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านชุดทรานเฟอร์แบบซิงเกิ้ลเกียร์ลงสู่ล้อคู่หน้า
เหนืออื่นใด เมื่อใช้ความเร็วสูงจะมีช่วงที่เครื่องยนต์ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถแทน และมอเตอร์ไฟฟ้าจะลดบทบาทลง ตรงนี้ก็จะกลายเป็นระบบไฮบริดแบบพาราเรล ซึ่งมิตซูบิชิยํ้าว่า ไม่ว่าเงื่อนไขการขับขี่จะไปตกในช่วงไหน มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ตลอดเวลา เพียงแต่จะหมุนปั่นมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
จากการลองขับของผม ซึ่งเดิมรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ไม่ได้ประทับใจกับการตอบสนองของระบบขับเคลื่อนมากนัก (แต่ชื่นชมเรื่องการเก็บเสียงรบกวน และช่วงล่าง) แต่พอเป็น Mitsubishi Xpander HEV ต้องยอมรับว่า รถขับดีขึ้นพอสมควร
รถที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนให้ความรู้สึกฉับไว ส่วนต้นกำลังที่เป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ยังเข้ามาเติมเต็มให้ การเดินทางนุ่มนวล ซึ่งจังหวะเครื่องยนต์ดับ และติดขึ้นมาใหม่ ไร้อาการฉุดกระชาก
ภาพรวมของระบบไฮบริด Mitsubishi Xpander HEV ทำงานค่อนข้างเนียนต่อเนื่อง อัตราเร่งทันใจ แถมมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 7 โหมด ซึ่งใครอยากได้รถบุคลิก EV แบบเร่งดีเบรกทีหน้าทิ่มหัวจิก (ระบบรีเจเนอเรทีฟ หน่วงหนักๆ) ใช้โหมด Tamac ได้เลย
ส่วนโหมด EV ที่มอเตอร์ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถล้วนๆ โดยเครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลย ถ้าพลังงานเต็มๆ รูปแบตเตอรี่โชว์ 5 ขีด (จากเต็ม 6 ขีด) ผมวิ่งบนความเร็ว 80 กม. เท้านิ่งๆ ได้ระยะทางประมาณ 2 กม.
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันจากระบบไฮบริดแบบนี้ หากใช้ในเมืองจะเห็นความประหยัดชัดเจนกว่าวิ่งทางไกลต่างจังหวัด ซึ่งการทดสอบบนเส้นทางกรุงเทพ-ชลบุรี ไป-กลับ 300 กม. เห็นตัวเลขเฉลี่ยๆ 15 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...Mitsubishi Xpander HEV มินิเอ็มพีวี 7 ที่นั่ง ที่สมรรถนะการขับขี่โดดเด่นที่สุดในคลาส ด้วยขุมพลังไฮบริดให้อารมณ์แบบ EV การตอบสนองดี ช่วงล่างนุ่ม(ออกแนวย้วยนิดๆ) ภายในห้องโดยสารเงียบ แต่จากการทดสอบด้วยการวิ่งออกต่างจังหวัด ยังรู้สึกว่าอัตราบริโภคนํ้ามันไม่ได้ประหยัดอย่างที่คิด
รีวิว Mitsubishi Xpander HEV 2024 : กรกิต กสิคุณ