"ฝีดาษลิง" มีกี่สายพันธุ์ ระยะฟักตัวกี่วัน แสดงอาการรุนแรงอย่างไร

22 ก.ค. 2565 | 09:27 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.ค. 2565 | 16:49 น.
1.2 k

"ฝีดาษลิง" หลังพบผู้ป่วยรายเเรกในจังหวัดภูเก็ต โรคนี้มีกี่สายพันธุ์ ระยะฟักตัวกี่วัน แสดงอาการรุนแรงอย่างไร

“ฝีดาษลิง” ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาเพราะในประเทศไทยล่าสุดพบผู้ป่วยในจังวัดภูเก็ตเป็นรายแรก โดยผู้ป่วยรายดังกล่าว เป็นเพศชาย สัญชาติไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศไนจีเรีย

เขาให้ข้อมูลการป่วยว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก มีผื่นแดง ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง เริ่มจากอวัยวะเพศลามไปใบหน้า ลำตัว แขน เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค  ผลการตรวจ PCR พบเชื้อ Monkeypox virus โดยห้องปฏิบัติการที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (TRC-EIDCC)

โรคฝีดาษลิง แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ 

  • สายพันธุ์แอฟริกากลาง มีความรุนแรงมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต
  • สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกากลางมาก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้

 

โรคฝีดาษลิงเกิดจากอะไร

  • เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxviridae จัดอยู่ในจีนัส Orthopoxvirus เช่นเดียวกับไวรัสอีกหลายชนิด ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดฝีดาษในคนหรือไข้ทรพิษ (variola virus) ไวรัสที่นำมาผลิตวัคซีนป้องกันฝีดาษในคน (vaccinia virus) และฝีดาษวัว (cowpox virus)
  • เชื้อไวรัสฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น กระรอก หนูป่า เป็นต้น

 

ระยะฟักตัวโรคฝีดาษลิง

  • มีระยะฟักตัวก่อนแสดงอาการประมาณ 5-21 วัน
  • ส่วนใหญ่พบแสดงอาการในช่วง 10-14 วัน

 

รูปแบบการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง

  • จากสัตว์สู่คน จากการสัมผัสโดยตรงจากเลือด สารคัดหลั่งหรือตุ่มหนองของสัตว์ ถูกสัตว์ที่มีเชื้อกัดหรือข่วน รวมถึงการประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ป่าที่ติดเชื้อและปรุงสุกไม่เพียงพอ
  • จากคนสู่คน แม้มีโอกาสน้อย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ จากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยผ่านทางสารคัดหลั่งหรือตุ่มหนอง การติดต่อจากทางเดินหายใจโดยผ่านทางละอองจากการไอหรือจาม

 

อาการและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิง

  • อาการเริ่มแรก มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต จากนั้น 1-3 วัน เริ่มมีผื่นขึ้นที่หน้า ลำตัว แล้วลามออกไปที่แขนขา ผื่นจะเห็นเด่นชัดมากที่บริเวณหน้า และแขน ขา ซึ่งอาการดังกล่าวจะอยู่ราวๆ 2-4 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคเองได้ โดยอาการรุนแรงมักพบในกลุ่มเด็ก ซึ่งในประเทศแอฟริกาพบอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10
  • ลักษณะผื่นแบ่งตามระยะดังนี้ เริ่มจาก ผื่นนูนแดง (Maculopapular) ตุ่มน้ำใส(Vesicles) ตุ่มหนอง (Pustules) ตุ่มหนองบุ๋มตรงกลาง (Umbilicated Pustules) สะเก็ด (Crusted) และแผลลอก

 

ข้อมูล : โรงพยาบาลพญาไท