จากที่กระทรวงพาณิชย์นำโดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาการซื้อขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการไทย กับ บริษัท COFCO BIOTECHNOLOGY CO.,LTD ปริมาณ 5.4 แสนตัน มูลค่า 3,489 ล้านบาท(เมื่อวันที่16 ม.ค. 2568) คิดเป็นปริมาณหัวมันสด 1.28 ล้านตันนั้น
นายชุมพล ขจรเฉลิมศักดิ์ นายกสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในเวลานี้ยังไม่ค่อยดี และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากราคาแป้งข้าวโพดถูกกว่า รวมทั้งธัญพืชอื่นๆ ถูกกว่าแป้งมันสำปะหลัง ขณะเดียวกันเวลานี้ผลผลิตมันสำปะหลังของ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ทยอยออกสู่ตลาดและมีราคาถูกกว่าไทย ปัจจุบันผลผลิตมันสำปะหลังของไทยเริ่มออก แต่ยังไม่มาก คาดประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายน ผลผลิตจะออกมามาก ราคาคาดจะอ่อนตัวลงอีก เนื่องจากราคาแข่งขันสู้ไม่ได้
ประกอบกับต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าต้องไปหาวิธีลด นอกจากนี้ยังมีปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง ทำให้ผลผลิตลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้น เกษตรกรปลูกไม่คุ้ม ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตในระยะยาว ทั้งนี้ได้ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือปรับปรุงเรื่องพันธุ์มันสำปะหลังต้านทานโรคใบด่าง ซึ่งได้ส่งเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว โดยของบกลาง 852 ล้านบาทมาดำเนินการ แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ
“ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ปลูกมันสำปะหลัง แต่เปลี่ยนไปปลูกอ้อยแทน ยิ่งซ้ำเติมให้ผลผลิตน้อยลงไปอีก ส่วนอ้อยก็มาประสบปัญหาเรื่องการเผาอ้อยส่งเข้าโรงงานที่สร้างมลพิษและรัฐบาลมีมาตรการคุมเข้ม ทำให้เกษตรกรยิ่งเคว้งไม่รู้จะไปปลูกอะไรดี เวลานี้คงต้องรอให้ผ่านช่วงเทศกาลตรุษจีนไปก่อนว่าจีนคู่ค้าหลักผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยจะกลับมาซื้อเพิ่มมากขึ้นหรือไม่”
อย่างไรก็ดีจากที่ได้มีการเซ็นเอ็มโอยู ระหว่างคอฟโก้ของจีน กับผู้ประกอบการไทย ในการซื้อขายมันฯล่าสุด 5.4 แสนตัน มีผลทำให้ราคามันเส้นปรับขึ้นเพียง 20-30 สตางค์ต่อกิโลกรัม ขณะที่แป้งมันราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากแต่ละโรงงานมีสต๊อกต้นทุนสูง รายใดหมุนเงินไม่ทัน ก็ยอมขายขาดทุนไปบ้าง
นายชุมพล กล่าวอีกว่า นับจากนี้คงต้องรณรงค์ให้เกษตรกรชะลอการขุดหัวมันสดไปพลางก่อน เนื่องจากขณะนี้คู่ค้าจากจีนที่นำเข้าแป้งมันจากไทย ก็มีสินค้าที่ราคาสูงมากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันอยู่ในคลัง (ปัจจุบัน ราคาแป้งมัน ณ วันที่ 27 ม.ค.68 เฉลี่ย 360-410 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ) ไม่สามารถแข่งขันกับแป้งข้าวโพดในจีนที่มีราคาต่ำ ทำให้คู่ค้าจากจีนส่วนใหญ่ไม่มารับมอบสินค้าตามสัญญา เพราะเกรงรับมอบสินค้าไปแล้วไม่สามารถแข่งขันได้ จากราคาต่างกันเป็น 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน คงต้องรอให้เวียดนาม และสปป.ลาว ขายไปก่อน
“ปัจจุบันในลาว มีโรงงานแป้งมันเกิดใหม่กว่า 20 โรง สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งจากรัฐบาลไทยห้ามนำเข้ามันสำปะหลังเพื่อนบ้านเข้ามา ก็กลายเป็นว่าทำให้เขาไปตั้งโรงงานแข่ง กระทบโรงงานมันสำปะหลังไทยแถวชายแดนขาดทุนกันหมด เพราะนำเข้าหัวมันจากกัมพูชา และสปป.ลาวไม่ได้ เป็นอีกเรื่องที่จะต้องให้ฝ่ายนโยบายทบทวน เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรระบุว่าการนำเข้ามันสำปะหลังจากเพื่อนบ้านเข้ามา ทำให้ราคาในประเทศตกต่ำ แต่เวลานี้ไม่นำเข้าราคาก็ลดลงอยู่ดี กระทบทั้งชาวไร่มัน โรงงาน และส่งออกได้ลดลง จากที่ผ่านมาการนำเข้าหัวมันสด ช่วยทำให้ชาวบ้านมีงานทำ เชื่อว่าอีกไม่นานกัมพูชาจะตั้งโรงงานเดินตามรอย สปป.ลาวมากขึ้น ทั้งนี้ทุกภาคส่วนของไทยต้องเร่งหาทางยกระดับราคาเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่รอด”
อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการสนับสนุนซื้อหัวมันพันธุ์ต้านทานโรคใบด่าง โดยระดมทุนได้ 5 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการผลิตท่อนพันธุ์ใหม่ ได้แก่ พันธุ์อิทธิ 1 อิทธิ 2 และอิทธิ 3 คาดจะรับพันธุ์ได้ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อทดแทนผลผลิตที่หายไปจากโรคใบด่าง ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องลงมาช่วยกันดูแล (สมาคมแป้งมันฯ เป็นผู้ใช้ผลผลิตหัวมันสดมากที่สุดเกือบ 20 ล้านตัน จากผลผลิตที่เคยมี 34 ล้านตันต่อปี ปัจจุบันเหลือ 22-24 ล้านตันจากผลกระทบโรคใบด่างและสภาพอากาศ)
ด้านแหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) กล่าวถึงผลจากประกาศกระทรวงพาณิชย์ (ร่าง) ระเบียบใหม่ให้ผู้นำเข้าข้าวสาลีเข้ามาในราชอาณาจักร สำหรับปี 2568 พ.ศ. ... ที่จะบังคับใช้ ทำให้ผู้นำเข้าเร่งนำเข้าข้าวสาลีสำหรับสัตว์ ปี 2567 ปริมาณ 2.5 ล้านตัน สูงสุดในรอบ 8 ปี เพราะในระเบียบใหม่บังคับให้ต้องนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในปีเดียว
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,066 วันที่ 30 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568