อุดรฯเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน"ซิโนฟาร์ม-โมเดอร์นา"

10 ส.ค. 2564 | 18:24 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2564 | 01:36 น.
22.0 k

อบจ.อุดรฯและเทศบาลนครอุดรธานี เปิดลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มและโมเดอร์นาได้แล้ว หลังได้รับจัดสรรล็อตแรกจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และสภากาชาดไทย รอบแรกให้ผู้อยู่ในเขตอำเภอเมืองอุดรฯและเขตเทศบาลนครอุดรธานี ก่อนจัดให้อำเภออื่น ๆ ตามลำดับเมื่อได้รับจัดสรรเพิ่ม

อบจ.อุดรธานี และเทศบาลนครอุดรธานี ใช้เงินงบประมาณก้อนโตกว่า 200 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีนชิโนฟาร์ม (Shinopharm) จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ โมเดอน่า(Moderna)   ฉีดให้กับประชาชาชนกลุ่มเป้าหมาย ทั้งคนแก่ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง บุคลากรทางการแพทย์ในถิ่นทุรกันดาร ครู อาจารย์  โดยได้รับจัดสรรวัคซีนงวดแรกแล้ว ทน.อุดรฯนำร่องฉีดสัปดาห์หน้า 56,000 คนที่ศูนย์ประชุมเซ็นทรัล    
 

  นายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)อุดรธานี  
นายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)อุดรธานี เปิดเผยว่า ทาง  อบจ.อุดรธานี ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสภา อบจ.อุดรธานี ซึ่งได้รับการจัดสรรครั้งที่ 1 แล้ว คือ  100 ล้านบาท สั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม(Sinopharm) จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 1122,612 โดส

 

และอีก 40 ล้านบาท ซื้อวัคซีนโมเดอร์นา จากสภากาชาดไทย 36,000 โดส จึงได้เปิดให้ผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชนในจังหวัดอุดรธานี ได้ลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ดังนี้
    

หลักเกณฑ์การลงทะเบียนฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ต้องเป็นผู้มีบัตรประจำตัวประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานีเท่านั้น และยกเว้นผู้อาศัยในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เนื่องจากทางเทศบาลนครอุดรธานี ก็ได้จัดซื้อในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้บริการประชาชนในเขตเทศบาลนครอุดรธานีไว้แล้วเช่นกัน  

 

ส่วนชาวอุดรธานีในอำเภออื่น ๆ ทางอบจ.อุดรธานี จะเปิดลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนให้เป็นลำดับ ๆ ไปเมื่อได้รับการจัดสรรวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มาให้ในล็อตต่อ ๆ ไป โดยจะประกาศให้ทราบภายหลัง โดยสามารถสอบถามได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อบจ.อุดรธานี เพขเฟซบุก และเว็บไซต์ของอบจ.อุดรธานี หรือที่โทร. 042-244394-5
 

ส่วนวิธีการลงทะเบียน  ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี สามารถลงทะเบียนได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่งได้จนถึงวันที่ 10 ส.ค. 2564 โดยให้นำเอาบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ของ รพ.สต.ด้วย
    

ทั้งนี้ ประชากรกลุ่มเป้าหมายในการจัดฉีดวัคซีนคือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว โดยต้องมีภูมิลำเนาตามบัตรประจำตัวประชาชนในเขตอำเภอเมืองอุดรธานี  และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้ไม่เคยได้รับการฉีคซีนป้องกันโรคโควิค-19 ไม่ว่าชนิดยี่ห้อใด ๆ มาก่อน 
    

นายก อบจ.อุดรธานี กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนได้ที่ รพ.สต. ตามภูมิลำเนาในพื้นที่ต่าง ๆ ทุกพื้นที่ ได้ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เช่นกัน โดนมีหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวประชาชนไปแสดงเช่นกัน  โดยกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ 70 ปี ขึ้นไป บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร บุคลากรครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน  และยังเป็นผู้ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิค-19 ยี่ห้อหรือชนิดใด ๆ มาก่อน   ซึ่งทาง อบจ.จะประกาศแจ้งกำหนดวัน เวลา สถานที่ รับการฉีดโมเดอร์นา (Moderna) อีกครั้งหนึ่ง
    

ดร.ธนดร  พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี

ด้านดร.ธนดร  พุทธรักษ์ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี เปิดเผยว่า เทศบาลนครอุดรธานี ได้ใช้งบประมาณจากเงินสะสมสาธารณภัย ที่มีอยู่ประมาณ 142 ล้านบาท ซึ่งนายกเทศมนตรีมีอำนาจจัดสรรได้โดยไม่ต้องผ่านสภาเทศบาล จำนวน 64 ล้านบาท ทำการสั่งซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้วจำนวน 72,000 โดส  สำหรับฉีดให้ 36,000 คน  

 

โดยขณะนี้ได้รับการจัดสรรวัคซีนชิโนฟาร์มจากการของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้วเป็น 3 งวด ๆ ที่ 1 จำนวน 11,200 โดส  โดยจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้ในสัปดาห์หน้า ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนของเทศบาลนครอุดรธานี ที่ศูนย์ประชุมอุดรธานี ชั้น 4 เซ็นทรัล อุดรธานี โดยได้รับความอนุเคราะห์สถานที่ จากศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า สาขาอุดรธานี  มีความสามารถฉีดวัคซีนได้วันละประมาณ 1,200 คน 
             

สำหรับงวดที่ 2 จำนวน  28,000 โดส หรือ 14,000 คน ซึ่งคาดว่าจะได้รับวัคซีนในเดือนสิงหาคมนี้เช่นกัน และจัดฉีดให้กับประชาชนได้ประมาณไม่เกินกลางเดือนสิงหาคมนี้  งวด 3  จำนวน 40,000 โดส หรือ  20,000คน ซึ่งจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรเกินจำนวนเงินอยู่ จึงต้องรอดูว่าจัดสรรให้ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับวัคซีนในเดือนกันยายน
               

โดยมีประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มกิจกรรมและกลุ่มเปราะบางในท้องถิ่น ดังนี้ กลุ่มองค์กรการศึกษา กลุ่มองค์กรการกุศล กลุ่มองค์กรด้านการแพทย์และการสาธารณสุข กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส/ชุมชนแออัด ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป/ผู้ป่วยติดเตียง พระ/นักบวช