บทความนี้ผู้เขียนจะขออนุญาตเล่าถึงงานวิจัยของตนและคณะ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากบทวิเคราะห์ “Overtourism” ผลกระทบและแนวทางการจัดการเพื่อความยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ พบว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาจส่งผลกระทบทางลบต่อจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้นโยบายการท่องเที่ยวของประเทศ จึงหันมาให้ความสำคัญและขยายฐานนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม มากกว่าที่จะให้ความสนใจกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเหมือนที่ผ่านมา
ในปี พ.ศ. 2561 กองวิจัยการตลาด สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำการศึกษานักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพสูงชาวอิตาลี พบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวสูงกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มทั่วไป โดยค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะประกอบไปด้วยค่าที่พัก ค่าช้อปปิ้ง ค่ากิจกรรม/บันเทิง ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม และค่าเดินทางในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยจำนวนมากในต่างประเทศ ที่ตั้งข้อสังเกตว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพสูง มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยสูงก็จริง แต่ประโยชน์ก็มักจะตกอยู่กับนักลงทุน หรือ บริษัทช้ามชาติ มากกว่าที่จะตกถึงมือผู้ประกอบการท้องถิ่นรายย่อย
เช่น นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มักเลือกพักโรงแรมระดับห้าดาว ที่อยู่ในเครือของโรงแรมข้ามชาติ มากกว่าโรงแรมขนาดเล็กของผู้ประกอบการในพื้นที่ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่สนับสนุนแนวคิดนี้คือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการชาวไทย แทบไม่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเลย
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนและคณะ จึงต้องการศึกษาเพื่อให้ข้อเสนอแนะทางนโยบายแก่การส่งเสริม “นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง” เปรียบเทียบกับ “นักท่องเที่ยวสะพายเป้” ในพื้นที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยพิจารณาจากการกระจายรายได้สู่คนท้องถิ่นเป็นหลัก
กล่าวอย่างเฉพาะเจาะจง งานวิจัยนี้ต้องการตอบคำถามว่า นโยบายส่งเสริมนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง จะสามารถช่วยกระจายรายได้ให้กับคนท้องถิ่นในเกาะพะงันได้มากขึ้น ตามจำนวนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือ นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเกาะพะงัน จะเหมาะสมกับการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปสู่คนท้องถิ่นที่มากขึ้น
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล มีข้อค้นพบที่สำคัญสองประการ ประการที่หนึ่ง คือ การเลือกเข้าพักโรงแรม พบว่า นักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่ม มีค่าใช้จ่ายในส่วนโรงแรมมากที่สุด เมื่อเทียบกับด้านอื่น และโรงแรมระดับกลางเป็นที่นิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อดูในรายละเอียดกลับพบว่า นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงกว่าครึ่งเลือกพักในโรงแรมขนาดเล็ก
ประการที่สอง คือ การกระจายรายได้จากโรงแรมไปสู่ชุมชนท้องถิ่น พบว่า โรงแรมขนาดเล็กมีการกระจายรายได้ให้แก่คนในท้องถิ่นต่ำที่สุด ด้วยเหตุผลว่า โรงแรมเหล่านี้มักใช้คนงานเป็นชาวต่างชาติ และมีสัญญาการจ้างที่ไม่เป็นทางการ ในขณะที่โรงแรมระดับกลางและระดับบน (ขนาดใหญ่) โรงแรมขนาดใหญ่ มักจ้างพนักงานเป็นคนไทย และมีสัญญาจ้างที่เป็นทางการเช่นพนักงานทุกคนอยู่ในระบบประกันสังคม
จากข้อค้นพบข้างต้น ที่โรงแรมขนาดกลางเป็นที่นิยมมากที่สุด และมีการจ้างงาน การกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนมากที่สุด นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สามารถตอบวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ได้ว่า สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี นโยบายการส่งเสริมนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงนั้น สามารถช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของคนท้องถิ่นในเกาะพะงันได้เพิ่มมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ละเลยนักท่องเที่ยวกลุ่มสะพายเป้ด้วยเช่นกัน จึงจะทำให้การกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นนั้นมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น