ส่อง“มณฑลยูนนาน”ศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศ

07 ธ.ค. 2563 | 14:35 น.
576

วิเคราะห์ปัจจัยทางด้านภูมิยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจมณฑลยูนนานของจีน อนาคตมณฑลยูนนาน จะกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศบนพื้นฐานของความร่วมมือจีน-อาเซียน 



วันนี้( 7 ธ.ค.63) พล.ต.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านภูมิยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจมณฑลยูนนานของจีน ต่อเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้  


๑. ความเป็นมา  เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๘ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เยือนมณฑลยูนนาน และได้ขอให้ทางมณฑลได้รับใช้ประเทศในเชิงรุก ด้วยการบูรณาการเข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด และมุ่งมั่นการเป็นเขตสาธิตเพื่อความก้าวหน้าในการบุกเบิกการสร้างอารยธรรมระบบนิเวศโดยมุ่งหน้าสู่เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


ต่อมาในเดือนมกราคมปีนี้ (พ.ศ.๒๕๖๓) เลขาธิการฯ สี จิ้นผิง ได้กลับไปเยือนยูนนานอีกครั้งในรอบ ๕ ปี และได้ย้ำอีกครั้งว่า มณฑลยูนนานควรพยายามสร้างความก้าวหน้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในการเป็นศูนย์กลางสู่เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ภายใต้กรอบการดำเนินการตามข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง"   ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นของมณฑลยูนนานก็ได้ออกนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมโดยมุ่งเน้นที่เป้าหมายดังกล่าว จนทำให้อันดับรวมทางเศรษฐกิจในจีนของมณฑลยูนนานเลื่อนขึ้นจากลำดับที่ ๒๔ เป็นอันดับที่ ๑๘ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของมณฑลยูนนานอีกหลายประการ 

 


๒. ปัจจัยที่เป็นข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของมณฑลยูนนานในด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจต่อเอเชียใต้และการเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


     ๒.๑ ข้อได้เปรียบด้านทำเลที่เชื่อมโยงด้วยภูเขาและแม่น้ำ ซึ่งตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นที่ได้เปิดเส้นทางสายไหมทางใต้ไปยังเมืองเทียนจูและเมืองต้าฉิน ทำให้ยูนนานกลายเป็นศูนย์กลางการกระจายวัตถุดิบที่สำคัญบนเส้นทางสายไหมทางใต้ตลอดมา 


     ๒.๒ ความได้เปรียบทางการค้าของประเพณีโบราณ โดยเป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญสำหรับการค้าทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับเมียนมา อินเดีย และบังคลาเทศมาโดยตลอด 


     ๒.๓ ข้อได้เปรียบเชิงนโยบายของผลประโยชน์ร่วมกัน โดยทั้งจีนและอินเดียซึ่งเป็นประเทศขนาดใหญ่ต่างกระตือรือร้นที่จะขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีจีน - อินเดียกับการลงทุนทางเศรษฐกิจ 


๓. ปัจจัยที่เป็นข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของยูนนานต่อการเดินหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางของเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


     ๓.๑ ประเด็นข้อขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่ขัดขวางการพัฒนาของภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงและหุบเขาสูงชัน ส่งผลให้มีต้นทุนสูงและระยะเวลาในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟและถนนที่นาน จึงยากที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ 


     ๓.๒ การอยู่ร่วมกันของหลายวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการก่อตัวของวัฒนธรรมหลัก โดยทำให้เกิดเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ 


     ๓.๓ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในระยะยาวและนโยบายที่ผันผวนในเมียนมา ทำให้มีการแทรกแซงของกองกำลังภายนอก  


     ๓.๔ ความสัมพันธ์จีน – อินเดีย กับการส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระดับภูมิภาค จากความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ค่อนข้างซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา 

 


๔. มาตรการเชิงยุทธศาสตร์ของมณฑลยูนนานต่อภูมิศาสตร์เศรษฐกิจในการเป็นศูนย์กลางของเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


     ๔.๑ การกระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านการเกษตรกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะด้านการเกษตรข้ามพรมแดนในการพัฒนาการปลูกพืชทางเลือก และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพของยูนนาน 


     ๔.๒ การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางคมนาคมร่วมกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  


     ๔.๓ การเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอุตสาหกรรมพลังงานปิโตรเลียม 


     ๔.๔ การเสริมสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมกับประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


บทสรุป แนวคิดเกี่ยวกับภูมิยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจของมณฑลยูนนาน ได้ส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคต โดยมณฑลยูนนาน จะกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศบนพื้นฐานของความร่วมมือจีน-อาเซียน ควบคู่ไปกับทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของมณฑลยูนนาน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตระหว่างประเทศรอบใหม่ของจีน ทั้งในด้านประชากร โลจิสติกส์ และพลังงาน (ท่อส่งน้ำมันและก๊าซจีน – เมียนมาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องในช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา และท่อส่งน้ำมันดิบได้ส่งน้ำมันมากกว่า ๒๐ ล้านตันในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา) 


ทั้งนี้ อีกไม่นานจะพบว่า นครคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนานจะกลายเป็น “เพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุด” ของประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง เนื่องจากความสะดวกสบายของรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น