วาระเศรษฐกิจ “Dubai Economic Agenda D33” หรือที่ออกประกาศ โดย “ชีคโมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มักตูม” รองประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และเจ้าผู้ครองนครดูไบ เมื่อม.ค. 66 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพิ่มเศรษฐกิจของเมืองเป็น 2 เท่าภายในปี 2573
การขยายธุรกิจของสายการบิน “เอมิเรตส์ (Emirates)” จึงกลไกหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว
นายออร์ฮาน อาบบาส รองประธานอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ ตะวันออกไกล สายการบินเอมิเรตส์ กล่าวว่า การบินเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของโลก
ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นกลยุทธ์การเสริมแกร่งในการมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดผ่านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการเชื่อมต่อเส้นทางบินที่ครอบคลุมทั่วโลก เพื่อสนับสนุนให้ดูไบ เป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งปัจจุบันเอมิเรตส์ ทำการบินสู่จุดหมายปลายทาง 143 แห่งใน 6 ทวีป และมี 10 เมืองที่ให้บริการโดยฝูงบินขนส่งสินค้าเพียงอย่างเดียว
ที่ผ่านมาแม้โควิด-19 จะกระทบต่อธุรกิจการบิน แต่ขณะนี้เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าอุตสาหกรรมการเดินทางและการบินทั่วโลกจะกลับมาสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดภายในปี 2567 อย่างแน่นอน นอกจากนี้เรายังจะทำข้อตกลงระหว่างสายการบินและเที่ยวบินร่วมใหม่ เพื่อขยายการเชื่อมต่อทั่วโลก และขยายการดำเนินงานด้วยเครื่องบิน A380 เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นและเพิ่มความจุ ให้มากขึ้น ตลอดทศวรรษหน้า
จากปัจจุบันที่เอมิเรสต์มีเที่ยวบินร่วมกับ 29 สายการบิน และมีสายการบินเชื่อมต่อ (อินเตอร์ไลน์) กับ 117 สายการบิน และพันธมิตรระบบขนส่งมวลชน 11 ราย ทั่วระบบนิเวศการขนส่งในกว่า 100 ประเทศ เพื่อมอบทางเลือกที่เพิ่มขึ้นพร้อมตารางเวลาที่ยืดหยุ่นสำหรับนักเดินทาง รวมถึงมอบการเชื่อมต่อที่ราบรื่นด้วยการเข้าถึงเครือข่ายที่ขยายไปยังภาคส่วนเพิ่มเติมกว่า 5,250 แห่ง ครอบคลุมกว่า 800 เมืองทั่วโลก
ที่ผ่านมาแม้จะเกิดโควิด แต่เอมิเรสต์ก็เห็นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ การลงทุนในโซลูชันการเดินทางที่เป็นนวัตกรรมชั้นนำ และปรับตัวให้เข้ากับระยะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน อาทิ ในสนามบินนานาชาติดูไบ เรามีจุดเช็คอินด้วยตนเอง 32 จุด และตู้โหลดสัมภาระ kiosks 16 จุด มีเส้นทางไบโอเมตริกซ์ที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองโดยแบบไร้สัมผัสและใช้เอกสารน้อยลง
รวมไปถึงการลงทุนด้านผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
โดยในช่วงปี 65-66 เราลงทุนกว่า 6.7 พันล้าน AED เพื่อส่งมอบตามคำมั่นสัญญา ‘Fly Better’ ของเรา ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น ปราศจากความเครียด และหรูหราในทุกจุดสัมผัสในการเดินทางของลูกค้า ตั้งแต่ Online ไปจนถึง Offline จากบ้านสู่สนามบินไปจนถึงบนเครื่องบิน
การปรับปรุงเครื่องบินครั้งใหญ่ที่สุดซึ่งมีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์บนเครื่องบินยังคงความเป็นเลิศอยู่เสมอ โดยเครื่องบิน A380 และ B 777 จำนวน 120 ลำของเอมิเรตส์จะได้รับการติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียมใหม่ ห้องสวีทชั้นหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และที่นั่งชั้นธุรกิจที่ได้รับการอัพเกรดให้มีรูปแบบและการออกแบบใหม่ เป็นต้น
ปัจจุบันชั้นประหยัดพรีเมียมมีให้บริการบนเครื่องบิน 22 ลำ รวมถึง 16 ลำที่ได้รับการตกแต่งใหม่จากโปรแกรมติดตั้งเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันเอมิเรตส์ ยังลงทุน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระบบความบันเทิงบนเครื่องบินรุ่นใหม่สำหรับฝูงบิน A350 เปิดตัว Emirates World ซึ่งเป็นศูนย์ค้าปลีกเสมือนจริงใจกลางเขต Jumeirah ของดูไบ ร้านค้าแนวคิดเรือธงแห่งนี้จะเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดสำคัญของสายการบิน ด้วยการลงทุนประมาณ 100 ล้าน AED ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การค้าปลีกของเอมิเรตส์
ทั้งนี้เรากำลังลงทุนในเครื่องบินรุ่นใหม่ ได้แก่ แอร์บัส A350s และ Boeing 777-xs และ 787-9s ในช่วงปี 65-66 เราได้รับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 777-F ใหม่ 2 ลำ ซึ่งทำให้ฝูงบินขนส่งสินค้าของอยู่ที่ 11 ลำ และส่งคำสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 777 ใหม่ 5 ลำ มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามราคาปลีก
รวมทั้งเปิดห้องรับรองผู้โดยสารของสายการบินมากกว่า 30 แห่งอีกครั้ง และเริ่มให้บริการรถพร้อมคนขับรับส่งอีกครั้งสำหรับลูกค้าชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจในจุดหมายปลายทางเกือบทั้งหมด ปัจจุบันเรามีเครือข่ายห้องรับรองพิเศษในสนามบิน 39 แห่ง ซึ่งรวมถึง 7 แห่งในดูไบ และ 32 แห่งในสนามบินหลักทั่วโลก
สำหรับการให้บริการของเอมิเรตส์ในไทย ปัจจุบันให้บริการ เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยังดูไบ 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเที่ยวบินจากภูเก็ตไปยังดูไบ 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และบินทุกวันจากกรุงเทพฯ ไปยังฮ่องกง 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งเป้าหมายของเราในตอนนี้คือการตอบสนองความต้องการการเดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และการมอบความจุที่เพิ่มขึ้นผ่านการปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน A380
เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในประเทศไทยเพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต และจะประกาศข้อมูลอัปเดตใหม่ๆ ในเวลาอันใกล้ โดยเราใช้เครื่องบิน A380 ในการให้บริการเที่ยวบินประจำวัน 4 เที่ยวบิน และเครื่องบิน B777 จำนวนหนึ่งเที่ยวบิน จากกรุงเทพฯสู่ดูไบ ด้วยความจุที่นั่งกว่า 2,430 ที่นั่งต่อวัน
อย่างไรก็ตามจากรายงาน ประจำปี 2565-2566 ของกลุ่มบริษัทเอมิเรตส์ ปีดังกล่าวถือเป็นปีที่ทำกำไรได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยกำไร 10.6 พันล้าน AED (2.9 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐ) เทียบกับขาดทุน 3.9 พันล้าน AED (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 81% เป็น 107.4 พันล้าน AED (29.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากสายการบินได้ฟื้นฟูเครือข่ายทั่วโลกและคืนสถานะเที่ยวบินโดยสารเพิ่มขึ้น