ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 14

11 มี.ค. 2566 | 06:30 น.

ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 14 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย... ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3869

วันไหนที่ท่านยืนอยู่ใกล้กับ “ต้นมะม่วง” กรุณาอย่านินทา “ต้นหัวครก” เนื่องจาก มะม่วง เขาเป็นญาติกับมะม่วงหิมพานต์ (ฮา) เช็คดูแล้วก็รู้ว่า เป็นไม้ผลเมืองร้อนในวงศ์ Anacardiaceae ซึ่งมีเปลือกหุ้มเมล็ดแข็งเหมือนกัน ผมมี “ท่านขงก็อป” เป็นที่ปรึกษา ท่านแนะนำว่า ภาษาละติน เขาอ่านตามพื้นเสียงของตัวอักษรกันเลย ตัว u ออกเสียง “อู” ae ออกเสียง “อี” คำนี้ Anacardiaceae จึงอ่านได้ว่า “อะ-นา-คา-ดี-อา-ซี-อี้” นั่นก็หมายถึง วงศ์อะนาคาดีอาซีอี้ ขยายความกันขนาดนี้รีบก้มหน้าปรบมือสิครับ ไม่งั้นคนจะจำได้ว่าหน้าม้าท่านนี้เป็นใคร (ฮา)

คุณลลิดา คำวิชัย จบ ป.ตรี ป.โท และ ป.เอก (ป.ตรี ได้ปริญญา 2 ใบ รัฐศาสตร์ กับ บริหารธุรกิจ) ทำงานแบงก์ได้ตำแหน่งเป็น ผอ. ลาออกเฉยเลย ใครต่อใครรุมกันเมนท์ว่าโง่ไหมเนี่ย อันที่จริงเธอเห็นแม่โดนพ่อค้าคนกลางบีบให้ขายข้าวโพดราคาถูก ป้ายเขียน 4.50 บ. แต่ลดเหลือ 3 บ. อ้างความชื้นเพื่อกดราคาอาศัยว่าแม่เป็นผู้ใหญ่บ้าน มีที่ดินของตัวเองประมาณ 35 ไร่ จึงฮึดออกมาเป็นเกษตรกร 

ตั้งใจเอาไว้ว่าใครมาซื้อของ เธอจะเป็นคนเปิดราคาเอง จับเงินล้านเมื่ออายุ 23 ปี สิ่งที่ขายไม่ใช่ ผลมะม่วง! แต่เป็น “ต้นพันธุ์” ที่เธอพัฒนาขึ้นเอง นำเข้าจากกัมพูชาแล้วปรับสายพันธุ์ ปลูก 3 ปี คืนทุน เธอได้รับ รางวัลสำนึกรักบ้านเกิด! เป็นพี่เลี้ยงเกษตรกรเกิน 100 คน ช่วยบริหารที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียง 3,000 ไร่ สมกับเป็นลูกผู้ใหญ่บ้าน นี่ไง เธอทำบ้านให้เป็นตลาด! ไม่ใช่เรื่องใหม่ในการใช้พื้นที่ แต่เป็นเรื่องใหม่ในการจัดระเบียบให้เข้าที่

พูดถึงเรื่อง มะม่วง ก็ คิดถึงอยู่สองเรื่อง เรื่องแรก พระพุทธเจ้าจัดการปลูกมะม่วงเพียงเมล็ดเดียวแล้วงอกฉับพลันกินกันไม่หมด เรื่องที่สอง ยินดีที่ มะม่วงอกร่องฟื้นคืนชีพ

พระพุทธเจ้าจำต้องเผชิญกับเดียรถีย์จึงทรงประกาศว่า จะเสด็จไปแสดงปาฏิหาริย์ใกล้โคนต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (อาสาฬหบูชา) เดียรถีย์ที่ผ่านการอบรม “หลักสูตรสิ้นดี!”

เมื่อรู้ข่าวก็ให้ลูกน้องและสาวกช่วยโค่นต้นมะม่วงทิ้งให้หมด บ้านใครสวนใครมีต้นมะม่วงก็ใช้เงินฟาดหัวซื้อเพื่อโค่นทำลาย หน่อต้นเล็กต้นน้อยถูกขุดทำลายจนสิ้นซาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นายคัณฑกะ ผู้ดูแลพระราชอุทยานของพระเจ้าปเสนทิโกศลสายตาดี แลเห็นมะม่วงผลหนึ่งสุกเหลืองอร่าม จึงสอยไว้จะนำไปถวายพระเจ้า ปเสนทิโกศล แต่เมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้าในระหว่างทาง ก็เปลี่ยนใจถวายมะม่วงสุกผลนั้น 

เมื่อพระพุทธองค์เสวยเนื้อมะม่วงแล้ว ได้ขอให้ นายคัณฑกะ ช่วยวางเมล็ดมะม่วงลงในดิน ทรงใช้น้ำล้างพระหัตถ์รดลงไปบนเมล็ดมะม่วง ทันใดก็พลันบังเกิดความอัศจรรย์ขึ้น เมล็ดมะม่วงได้ให้กำเนิดเป็นต้นมะม่วงสูงใหญ่ขึ้นถึง 50 ศอก (25 เมตร) แผ่กิ่งก้านสาขาโดยพลัน ออกลูกดกสุกอร่ามเต็มต้น ค่อยๆ ร่วงหล่นให้ผู้คนได้เก็บกินกันทั้งสิ้น

                        ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 14

สำหรับ “มะม่วงอกร่อง” ได้รับคำชมเชยมานานว่าเป็น 
“ราชาของมะม่วงไทย” เรามี อกร่องทอง อกร่องหยาดพิรุณ อกร่องพิกุลทอง อกร่องทวาย อกร่องเขียว อกร่องใหญ่ อกร่องขาว อกร่องศรีสยาม

ผมสนใจเป็นพิเศษ คือ อกร่องโบราณ ในวงการคอมะม่วงถามหา อกร่องโบราณ กันมาหลายปี อันที่จริงยังเนเวอร์ไดน์! ท่านใดสนใจคงต้องคุยโดยตรง กับ คุณวีระศักดิ์ อร่ามรัตน์  (ผู้ใหญ่แก้ว) บ้านแพ้ว 0841056677 ถามท่านเลยว่า ยังมี “อัมพา” บ้างไหม ถ้าผู้ใหญ่แก้ว งง ก็ขอโทษแล้วบอกท่านไปว่า อัมพา ก็คือ มะม่วง เป็นภาษาอินเดียครับท่าน (ฮา)

เขาปล่อยมุกกันใน โพสต์จัง อ่านแล้วหงายหลังอย่าว่ากันนะ ถาม : รู้มั้ย ผลไม้อะไรน่าเสียดายที่สุด ตอบ : ไม่รู้ว่ะ เฉลย : กล้วยน้ำ....ว้าาาาาา  ไม่น่าเล้ยยย ถาม : รู้มั้ย ผลไม้อะไรบินสูงลิ่วได้ ตอบ : ไม่รู้ว่ะ เฉลย : มัง...ครุฑ ถาม : รู้มั้ย ผลไม้อะไรซุ่มซ่าม ตอบ : ไม่รู้ว่ะ เฉลย : มะม่วงตกร่อง ไม่รู้เดินยังไง อิๆ

ชายหนุ่มคนหนึ่งควักเงินใส่ลงในกะลาของขอทานโดยไม่นับ ขอทานตาโตเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เงินเยอะเกินฝัน ขอทานจึงเรียกให้เขาหวนกลับมาหา ชายหนุ่มเดินกลับมาตามคำขอ ขอทานก็บอกกับชายหนุ่มว่า “ท่านมีน้ำใจอนุเคราะห์เกินกว่าที่ข้าคิดไว้ ข้าจะขอตอบแทนพระคุณท่าน ท่านจงจำคาถาการเสกมะม่วงบทนี้เอาไว้ให้ดี มันจะมีประโยชน์ต่อท่านในภายหน้า” 

ชายหนุ่มรับไว้แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ของมันต้องลองเขาก็เริ่มเสกเป่าพ้วงก็ปรากฏมะม่วงผลหนึ่งในอุ้งมือ ลองชิมดูก็ว้าวว่าอร่อย ถ้าใช่อย่างนี้แล้วจะมัวรออะไร เขาเสกแจกไปทั่ว ความทราบไปถึงพระราชา ท่านทรงกำชับให้คนสนิทไปเชิญตัวมาเข้าเฝ้า ชายหนุ่มก็ตอบรับคำเชิญด้วยความตื่นเต้น เข้าเฝ้าแล้วก็เสกมะม่วงถวายพระราชา พระองค์เสวยแล้วก็รู้สึกพอพระทัยในความอัศจรรย์

ก่อนจะตัดสินใจปูนบำเหน็จให้ตำแหน่ง ท่านตรัสถามด้วยความสนพระทัยว่า “เจ้าไปร่ำเรียนมาจากใครกันรึ” ชายหนุ่มจะทูลว่า “ครูผู้สอนคือชอทานพ่ะย่ะค่ะ” ก็รู้สึกว่าต่ำต้อยจึงทูลว่า  “ข้าพเจ้าคิดค้นเองพ่ะย่ะค่ะ!” พระราชาขอให้เสกมะม่วงอีกเพราะยังติดใจในรสชาติ เสกแล้วเสกอีกไม่มีมะม่วงปรากฏอีกเลยแม้แต่ผลเดียวหลังจากเขาสารภาพว่าทูลความเท็จก็ถูกลงโทษให้ออกไปจากเมืองตลอดชีวิต

เป็นไงล่ะทีนี้ ตกร่อง เพราะว่า สตรอเบอรี่ เนื่องจาก ไม่เคารพ ผู้มีพระคุณ และ ดูแคลนผู้อื่น