ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 10

11 ก.พ. 2566 | 06:30 น.

ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 10 : คอลัมน์ เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3861

ไลฟ์สไตล์โดยรวมของสังคมยุค 1.0 ทำใจ การล่าสัตว์ และการดำรงอยู่ ในขณะที่กระแสทางด้านการตลาดเริ่มเปิดเกมการค้าแบบลองผิดลองถูก ด้วยความเชื่อที่มโนกันไปเองว่า “สินค้าที่ดี ย่อมมีคนซื้อ!” จึงโหมโรงผลิตกันนัว อาศัยความเชื่อที่ว่า “สินค้า คือ ทุกอย่างของธุรกิจ” ถ้าจะขนานนามยุคนี้ให้โลกไม่ลืม น่าจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ยุคการตลาดคลุมถุงชน” เถ้าแก่ที่ลืมฉุกคิดก็ผลิตสินค้าแบบเดียวกันสินค้าจึงค้างสต็อค ต้นทุนโดนล็อคเงินจม “เถ้าแก่ ” จมูกระบมดมยาดมจนโหงวเฮ้งกลายเป็น  “เฒ่าแก่!” (ฮา)

ไลฟ์สไตล์โดยรวมของสังคมยุค 2.0 สนใจ การยังชีพที่ขับเคลื่อนด้วยการเกษตร ในขณะที่ทิศทางของนักการตลาดเปลี่ยนจากมวยคาดเชือกหันมาใส่นวมสวมเฮดการ์ดชยับมาวาดลวดลาย โดยออกแบบสินค้าด้วยการอาศัยไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก ปักหมุดชี้จุดกลุ่มลูกค้าเดินหน้าออกแบบประดิษฐ์เฟ้นการผลิตให้ต่างกัน โดยจัดสรรกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 ประเภท คือ “มวล” (Mass) “ส่วน” (Segment) และ ซอก (Niche)

“มวล” (Mass) หมายถึง ผู้คนส่วนใหญ่ มักจะมีนิสัยเขาซื้ออะไรเขาก็ซื้อตาม แม้แต่การหย่อนบัตรเลือกตั้งก็ยังเลือกตาม เคยมีนักข่าวถามป้าคนหนึ่งว่า “เลือกตั้งครั้งนี้ จะเลือกใครครับป้า” ป้าตอบได้น่าชื่นใจว่า “เลือกคนดีสิคุณ” นักข่าวก็เขย่าต่อว่า “คนดีของป้าเป็นคนแบบไหนครับ” ป้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ก็แล้วแต่พ่อกำนันเขาจะบอก!” (ฮา)

“ส่วน” (Segment) หมายถึง กลุ่มที่มีค่านิยมคนละแบบ เช่น ยาสีฟันยี่ห้อเดียวกันแต่จุดยืนต่างกันหลายแบบ ใครเสียวฟันใช้แบบนี้ ใครฟันไม่ขาวใช้แบบโน้น ดีนะที่แนวคิดนั้ไม่แพร่เข้าไปในครอบครัว พ่ออยากได้หลานเชื้อสายยุโรปลูกก็ต้องผลิตกับสาวยุโรป แม่อยากได้หลานเชื้อสายเอเซีย ลูกก็ต้องผลิตกับสาวเอเซีย ลูกหวังจะทำแฮตทริกจึงเตี๊ยมย่ากับยายให้ชี้นำว่า อยากได้หลานเชื้อสายเอเลี่ยน! (ฮา) วันไหนเพื่อนๆ ทักว่า “ปิดโรงงานหรือยัง” ภรรยาจะรับมุกทันควันว่า “ยังไม่ปิดตาย แต่ช่วงนี้โรงงานมันร้างเว้ย!” (ฮา)

“ซอก” (Niche) หมายถึง ลูกค้ากลุ่มจำเพาะ อย่างเช่น สินค้าที่ผลิตพิเศษเพียงหนึ่งเดียวไม่สรรสร้างเหมือนกันให้ใครอีกเลย จะเป็น รถ นาฬิกา เสื้อ รองเท้า แล้วแต่จะตกลงกัน

ไลฟ์สไตล์โดยรวมของสังคมยุค 3.0 ใส่ใจ การพาณิชย์เชิงอุตสาหกรรม ในขณะที่นักขายรำพึงอยู่ว่า “ปลาเล็กกินปลาใหญ่…ใครจะอยู่ใครจะไปขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ” นักการตลาดเขาประกาศกันครึกโครมว่า “ลูกค้าต้องมาก่อนเพราะว่าลูกค้าคือพระเจ้า” สัญญาณที่บอกผ่านสำนวนกวนใจว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า” มันมีหลักรองรับไว้อยู่แล้วว่า “ประสิทธิภาพอย่างเดียวเอาไม่อยู่  ต้องมีประสิทธิผลด้วยถึงจะผูกใจให้เขาซื้อซ้ำ”

เข้าไปเก็บตกใน JEBAN.COM ได้เหยื่อมากระทงหนึ่ง วัยรุ่นปีสองเป็นน้องหญิงเธอเลือกลิปสติกในบู้ธกลางห้าง ทดลองทาดูอยู่หลายแท่ง ตบะพนักงานเริ่มสั่นสาม ริกเตอร์พูดต่อว่า “พระเจ้า” ว่า “ถ้าไม่ซื้อก็อย่าเล่นเทสเตอร์นะคะ” ลูกค้าสาวก็ตอกกลับไปว่า “ทำไมล่ะค่ะ ฉันมีสิทธิ์จะดูของในร้านนี้ได้ มีสิทธิ์ที่จะทดลองสินค้าได้” ตบะพนักงานสั่นเพิ่มขึ้นเป็นห้า ริกเตอร์จึงแขวะอีกว่า “แท่งละหลายบาทนะ!” 

ลูกค้าสาวฉุนกึ๊ก ถ้ากัดลิ้นขาดแล้วงอกใหม่เหมือนหางจิ้งจก ก็คงจะกัดลิ้นเอามาปาใส่หน้าพนักงานไปแล้ว เธอสาดวาทะ 40 ดีกรี ว่า “ร้านก็หรูนะคะแต่ทำไมทางบริษัทไม่เลือกพนักงานขายให้ดีกว่านี้ น่าจะมีการอบรมมารยาทก่อนเริ่มทำงาน ผู้จัดการร้านนี้อยู่ไหนค่ะ ทำไมปล่อยให้พนักงานมาพูดจาสุนัขไม่รับประทานใส่ลูกค้าได้ยังไง” 

                               ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 10

ผมว่าถ้าร้านนี้มี Gen ครบทั้ง X Y และ Z ณ วินาทีนั้นทุกคนน่าจะเปลี่ยนเป็น Gen D คือ Dumbing ใบ้แดร๊กคูล่าอ่ะดิ (ฮา) หลังจากสงครามจิตชะงัก ผู้จัดการก็จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามด้วยการขอโทษ ลูกค้าสาวทิ้งบอมบ์อีกดอกหนึ่งว่า “ซื้อสองแท่งเลยค่ะ จะเอาอีกแท่งไว้ทาปากหมาเล่น” (ฮา)

ไลฟ์สไตล์โดยรวมของสังคมยุค 4.0 ส่องใจ โลกาภิวัตน์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ยิ่งขั้น คำเตือนที่พึงรู้มีอยู่จุดหนึ่งว่า ถ้าใครยังไม่ตื่นตัวที่จะสร้างทักษะด้านออนไลน์ภายในปีนี้ ปีไหนๆ ก็จะตามใครต่อใครเขาไม่ทัน

จุดที่สำคัญกว่าอื่นใดทั้งใน อ็อฟไลน์ และ ออนไลน์ คือ “Content is king” ยุคนี้กำลังดูละครสั้นอยู่เพลินๆ เรื่องมันเดินมาถึงจุดพีคได้ไงว่า  “ใครรู้สึกไม่คึกคักหยุดพักซด ซุปสมุนไพรเหี้ยนเต้ อารมณ์จะฮาเฮจนลืมเซ็ง” (ฮา) ใครที่รู้ตัวว่ายังสื่อไม่ได้ความ ต้องรีบขึ้นคานหามให้เขาไปส่งที่ห้องอบรม EB White ให้ข้อคิดไว้ว่า “การเขียนที่ดีคือการเขียนใหม่” หมายถึง “เก่งแค่ไหนจะยังไงก็ควรทบทวนและดัดแปลง”

ไลฟ์สไตล์ สังคมยุค 5.0 ออกมาเปิดหน้า “เชิดชูมวลมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง” คล้ายกับ สังคมยุค 3.0 ตรงที่เพ่งตรงลงบนมนุษย์ แต่แตกต่างตรงที่ 3.0 เพ่งจุด เศรษฐศาสตร์! แต่ทว่า 5.0 เพ่งจุด มนุษย์ศาสตร์!  ผมดูคลิปที่เขาสร้างให้ AI กลายเป็นกิ๊ก เขาทำไว้ขาย ถ้าเขาลดครึ่งราคาก็กะว่าจะซื้อ (ฮา) มันเกี่ยวอะไรกับ บอนนี่ พรูเดน ที่พูดย้ำว่า “คุณไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ แต่คุณสามารถไขลานอีกครั้ง”