KEY
POINTS
2 เดือนแรกของปี 2025 นับว่าเป็นการเปิดปีที่ทำนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเจ็บหนักและต้องยอมรับว่าส่วนตัวแล้วก็ลงมามากกว่าที่ผมคิดพอสมควร แน่นอนว่าการที่ปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ระดับ 1200 ถือว่าเป็นบริเวณสำคัญสำหรับภาพใหญ่
หากเราดูเชิงโครงสร้างจากรูปกราฟระดับสัปดาห์จะเห็นว่า หากบริเวณ 1170 - 1200 ไม่เป็นจุดต่ำสุด ภาพของดัชนีภาพใหญ่จะมีโอกาสเป็นรูปแบบหัวและไหล่ ซึ่งนั่นอาจจะหมายความว่าภาพใหญ่จะกลายเป็นขาลงและมีโอกาสที่ดัชนีจะลงไปต่ำกว่า 1000 ได้ อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวผมยังไม่คิดว่าภาพนี้คือหัวและไหล่และยังคงมอง ว่าโอกาสที่ 1170 - 1200 จะเป็นจุดต่ำสุดนั้นมีโอกาสมากกว่า
สิ่งที่น่าสนใจคือหากเราดูหุ้นสหรัฐ เช่นดัชนี Nasdaq ก็มีโอกาสลงปรับฐานโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทค อย่างในรูปที่ 2 จะเห็นว่ามีโอกาสเป็น double top หรือแม้กระทั่งหากเราไปดูเพียงแค่กลุ่มเทคของตลาดจีนก็มีรูปแบบของการเกิดโอกาสปรับฐานหลังขึ้นมาเยอะ
ซึ่งแน่นอนว่าตัดภาพมาที่ตลาดไทยเราสามารถคิดได้ 2 มุมคือการที่ถ้าตลาดอื่นเกิดปรับฐานจริง ย้ำว่าถ้าปรับจริง หุ้นไทยจะสวนกระแสเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มาหรือจะตามกระแสนี้ไป
ถ้าเราคิดว่า 1170 - 1200 จะเป็นจุดต่ำสุดของรอบแปลว่า นี่คือโอกาสในการเก็บหุ้น
1.VGI
เนื่องจากธุรกิจโฆษณานอกบ้าน (Out-of-Home, OOH) กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามการเปิดเมืองและการเดินทางที่กลับมาสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้รายได้จากสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ VGI ยังมี Synergy กับ planb ทำให้ได้เปรียบส่วนนี้
ไม่เพียงเท่านั้นการที่เขาขาย kerry ไปตั้งแต่ปีที่แล้วทำให้เขาไม่ต้องรับรู้การขาดทุนในปีนี้ จึงคิดว่ารายได้ 2025 น่าจะยังฟื้นตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2024
2.AAV
ในเชิงพื้นฐานจะเห็นว่ากำไร New High ต่อเนื่องและคาดการณ์ว่าแนวโน้มกำไรปี 2025 อาจทำ New High ได้ต่อ เนื่องจากธุรกิจการบินฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด โดยเฉพาะการท่องเที่ยวไทย รวมไปถึงต้นทุนน้ำมันที่ทางที่ทรงตัว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากดู p/e ปัจจุบันอยู่ที่เพียง 7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่ 19 เท่า หากเราลองใช้ p/e แต่ 13 - 15 เท่า โดยที่ยังไม่รวมกับรายได้ที่มากขึ้นปี 2025 จะพบว่าราคาที่แท้จริงก็ยังอยู่เกิน 3.3 บาทอยู่ดี เพราะฉะนั้นที่ราคาระดับนี้จึงมองว่าน่าสนใจ