KEY
POINTS
สิ่งที่เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาถือทำลายตลาดหุ้นไทยและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากที่ไม่มีอยู่แล้ว การที่ SET ปรับตัวลดลงกลับมาจุด low ปีที่แล้วที่บริเวณ 1350-1360 ถือเป็นแนวรับสุดท้าย ในมุมมองผมที่หากเรายังคาดหวังให้ SET เป็น Bullish ในปี 2025 นี้ SET จำเป็นที่จะต้องยืนให้อยู่ไม่อย่างงั้นมุมมองต่อภาพระยะกลางถึงยาวจะไม่ชัด
แปลว่าตอนนี้โจทย์คือจะยืนอยู่ไหม?
การตอบคำถามข้อนี้ต้องย้อนไปถึงต้นเหตุว่าก่อนที่ SET จะลงรอบนี้จากบริเวณเหนือกว่า 1400 มาต่ำกว่า 1360 ต้นตอไม่ได้เกิดจาก Fundamental แต่เกิดจากการที่มีเรื่องราวรายตัวต่างๆ ที่ลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน หรือที่ภาษาเราเรียกกันว่า Unsystematic risk
หากย้อนดูในช่วงปลายปีที่แล้วตลาดเริ่มมีความไม่มั่นใจจากกรณี TOP ต่อมาที่กรณี CPAXT จนทำให้หุ้นใหญ่ๆ โดนกดลงมาหากไม่นับกลุ่ม Bank
ต่อมาในช่วงต้นปีเจอกับ Global Minimum tax ที่ต่อให้ทั้งโลกโดนแต่ไทยยังไม่มีมาตราการมาเยียวยาส่วนตรงนี้ก็จะเห็นว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดนแรง panic sell เห็นภาพชัดสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คงเป็น ITC
ยังไม่จบเพียงเท่านั้นสัปดาห์ที่แล้วกลุ่มไฟฟ้าก็มาเจอกับแรงขายจากปัจจัยที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวธรุกิจโดยตรงแต่เกิดจากการเมืองเข้ามาเกี่ยว จนทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในกำไรเพราะกลัวโดนแทรกแซงที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นตอนไหน หุ้นไฟฟ้าโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ SPP ก็ลงแบบเทกระดาน
ล่าสุดโดนซ้ำด้วยหุ้นที่ไปวางคล้ำ Margin และโดน Force sell อย่างเช่น RS จนทำให้หุ้นอื่นๆ ที่มีการเอาหุ้นไปวาง Margin โดนเทขายลงมา เช่น JMT JMART เพราะนักลงทุนกลัวเกิดซ้ำลอย
หากเราดูเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะพบว่าล้วนแล้วสามารถแก้ไขได้ด้วยอย่างเดียว คือการเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนกลับมาให้ได้ เพราะไม่มีปัจจัยไหนที่บอกถึงการที่ Fundamental เชิงเศรษฐกิจไม่ดีหรือหุ้นไทยแพงจนไม่น่าลงทุน
เพราะฉะนั้นประเด็นที่ต้องจับตาคือการพูดของคุณทักษิณเย็นวันจันทร์ที่จะสร้างความเชื่อมั่นกลับมาให้กลับตลาดหุ้นได้ไหม เพราะถ้าจำได้ครั้งที่แล้วที่มีการพูดหุ้นกลับมาคึกคักแบบทันตาเห็น
แล้วเรามาดูว่าพลังลบจากหุ้นสหรัฐที่ปิดลบเยอะคืนวันศุกร์กับพลังเย็นวันจันทร์ใครจะชนะ โดยมีจุดวันทางเทคนิคที่ 1350-1360