10 ผู้ถือหุ้นใหญ่ RS กับความมั่งคั่งที่หายไปกว่า 5.41 พันล้าน

13 ม.ค. 2568 | 07:00 น.

จากกระแสความร้อนแรงที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ RS ถูกบังคับขายหุ้นจนดิ่งติดฟลอร์หลายวันติดต่อกัน ฉุดมาร์เก็ตแคปร่วงเหลือ 3.27 พันล้าน จากวันทำการแรก 2 ม.ค.68 ที่ 1.18 หมื่นล้าน กระทบความมั่งคั่งผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกสูญเงินไปกว่า 5.41 พันล้าน

จากการรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ตลอด 7 วันทำการ นับตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายวันแรกของปี 68 วันที่ 2 ม.ค. ซึ่งราคาหุ้นเปิดตลาดที่ระดับ 5.45 บาท ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 10 ม.ค. 68 ที่มีราคาปิดตลาดที่ระดับ 1.50 บาท พบว่า ราคาหุ้นปรับตัวลดลงถึง 3.95 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -72.47%

แน่นอนว่าการ “เฮียฮ้อ” นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ถูกบังคับขายหุ้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อผู้ถืหุ้นใหญ่รายอื่นๆ แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยของ RS จำนวน 8,506 ราย ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 59.69% อีกด้วย

หากเทียบมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ของ RS ที่หายไป พบว่า ณ สิ้นวันที่ 10 ม.ค.68 ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 3,273.33 ล้านบาท จากสิ้นปี 67 ที่อยู่ในระดับ 11,893.09 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า Market Cap ของ RS ที่สูญหายไปกว่า 8,619.76 ล้านบาท

ด้วยราคาหุ้น RS ที่ลดฮวบฮาบ ในระยะเวลาเพียง 7 วันทำการแรกของปี 68 นับตั้งแต่ราคาเปิดตลาดวันแรกของปีนี้ ทำให้ความมั่งคั่งตามมูลค่าการลงทุนที่หายไปของ 10 อันดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ RS (ปิดสมุดล่าสุด 29 ต.ค. 67) สูงถึงกว่า 5,417,542,741.4 บาท ประกอบด้วย

10 อันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ RS กับความมั่งคั่งที่หายไป

1. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ถือหุ้นสัดส่วน 487,099,998 หุ้น หรือ 22.32% หากคิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนจากราคาหุ้นต้นปี 67 จะอยู่ที่ 2,654,694,989.1 บาท การที่ราคาหุ้นที่ถูกฟอร์ซเซลทำให้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง ทำให้มูลค่าตามการลงทุนลดลงมาเหลือ 730,649,997 ล้านบาท หรือสูญเงินไปกว่า 1,924,044,992.1 บาท

2. นายโสรัตน์ วณิชวรากิจ ถือหุ้นสัดส่วน 215,600,000 หุ้น หรือ 9.88% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,175,020,000 บาท ลดลงเหลือ 323,400,000 บาท หายไปกว่า 851,620,000 บาท

3. นายวีรพัฒน์ พูนศักดิ์อุดมสิน ถือหุ้นสัดส่วน 147,670,400 หุ้น หรือ 6.77% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 804,803,680 บาท เหลือ 221,505,600 บาท หายไปประมาณ 583,298,080 บาท

4. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วน 110,730,180 หุ้น หรือ 5.07% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 603,479,481 บาท ลดเหลือ 166,095,270 บาท หายไปราว 437,384,211 บาท

5. บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 105,000,000 หุ้น หรือ 4.81% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 572,250,000 บาท ลดเหลือ 157,500,000 บาท หายไป 100,275,000 บาท

6. นางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา 104,500,000 ถือหุ้นสัดส่วน หุ้น หรือ 4.79% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 569,525,000 บาท ลดลงเหลือ 156,750,000 บาท หายไป 412,775,000 บาท

7. นางสาวพัทธ์ธีรา ไพรัชเวทย์ โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วน 84,920,786 หุ้น หรือ 3.89% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 462,818,283.7 บาท ลดเหลือ 127,381,179 บาท หายไป 335,437,104.7 บาท

8. นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ถือหุ้นสัดส่วน 74,097,320 หุ้น หรือ 3.40% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 403,830,394 บาท ลดเหลือ 111,145,980 บาท หายไป 292,684,414 บาท

9. นายพงศา ไพรัชเวทย์ โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสัดส่วน 63,130,888 หุ้น หรือ 2.89% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 344,063,339.6 บาท ลดเหลือ 94,696,332 บาท หายไป 249,367,007.6 บาท

10. นายลิขิต ลือสกุลกิจไพศาล ถือหุ้นสัดส่วน 58,394,160 หุ้น หรือ 2.68% คิดเป็นมูลค่าตามสัดส่วนการลงทุนต้นปีนี้จะอยู่ที่ 318,248,172 บาท ลดเหลือ 87,591,240 บาท หายไป 230,656,932 บาท

เทียบข้อมูล Market Cap ในช่วง 4 ปีย้อนหลัง (64-67)

  • ปี 64 อยู่ที่ 21,103.18 ล้านบาท
  • ปี 65 อยู่ที่ 15,559.95 ล้านบาท
  • ปี 66 อยู่ที่ 14,869.46 ล้านบาท
  • ปี 67 อยู่ที่ 11,893.09 ล้านบาท

ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 4 ปีย้อนหลัง (64-67)

  • ปี 64 อยู่ที่ 10.20 บาท
  • ปี 65 อยู่ที่ 7.98 บาท
  • ปี 66 อยู่ที่ 7.29 บาท
  • ปี 67 อยู่ที่ 6.26 บาท

ผลการดำเนินงาน RS ย้อนหลัง 3 ปี (64-66)

  • รายได้รวม อยู่ที่ 3,589.59 ล้านบาท, 3,549.21 ล้านบาท และ 3,805.23 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 127.35 ล้านบาท, 137.07 ล้านบาท และ 1,395.23 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 1,003.21 ล้านบาท, 819.29 ล้านบาท และ 1,479.82 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียนเท่าเงินสด อยู่ที่ 141.25 ล้านบาท, 114.58 ล้านบาท และ 310.23 ล้านบาท

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 67

  • รายได้รวม อยู่ที่ 2,767.43 ล้านบาท ลดลง 180.59 ล้านบาท หรือ -6.12% จากปีก่อน 2,948.02 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 12.21 ล้านบาท ลดลง 1,354.74 ล้านบาท หรือ -99.10% จากปีก่อน 1,366.95 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 1,492.02 ล้านบาท ลดลง 586.17 ล้านบาท หรือ -28.20% จากปีก่อน 2,078.19 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียนเท่าเงินสด อยู่ที่ 305.91 ล้านบาท ลดลง 379.56 ล้านบาท หรือ -55.37% จากปีก่อนที่ 685.47 ล้านบาท