ตลาดหุ้นไทยน่าผิดหวังผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดโลก 2 ปีติด

21 ธ.ค. 2567 | 07:00 น.

ตลาดหุ้นไทยน่าผิดหวังผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดโลก 2 ปีติด : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4055

ผันผวนขึ้นลงรุนแรงไม่แพ้รถไฟเหาะตีหลังกา ก็คงหนีไม่พ้นดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index ที่ดูสดใสขึ้นหลังการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่มาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้นถึง 192.02 จุด จากระดับ 1,303 จุดในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,495.02 จุดในวันที่ 17 ตุลาคม 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง  50,472.99 ล้านบาท 

แต่หลังๆ โดยเฉพาะเฉลี่ย 1 เดือนย้อนหลัง จะเห็นว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรงๆ ปรับขึ้นเพียง 66 จุดเท่านั้น และ เริ่มมีปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง CPAXT หรือ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ Makro และ Lotus’s  ที่ประกาศใช้เงินลงทุน 7.97 พันล้านบาท เพื่อถือหุ้น 95% ร่วมกับ บริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด อีก 5% ร่วมลงทุนใน บริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน ภายใต้โครงการชื่อ Happitat 

ส่งผลให้ราคาหุ้น CPAXT ดิ่งลงถึง 18%  มูลค่าตามราคาตลาดหายไป 6 หมื่นล้านบาท ภายในวันเดียว แถมยังลากหุ้นในกลุ่ม CP ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาการ จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ถูกเทขายจนราคาร่วงแรงทันที ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น  และ หุ้นบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ร่วงลงเช่นกัน 

ประเด็นนี้ถูกตั้งคำถามความเป็นธรรมาภิบาล ในการนำเงินของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นกิจการมหาชนไปลงทุนในบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน จนเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เทขายหุ้นอย่างหนัก ฉุด SETIndex หลุดระดับ 1,400 จุด ไปเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567  

แถมยังมีเรื่องของ Z.com หรือ บริษัทหลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซดคอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพิ่มเข้ามาอีกหลัง Z.com มีหนังสือแจ้งไปยังลูกค้าว่า จะยุติการให้บริการในส่วนของบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมดในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ทำให้เกิดความกังวลว่า การยุติให้บริการบัญชีมาร์จิ้นทั้งหมดนั้น อาจทำให้หุ้นหลายตัวที่อยู่ในบัญชีมาร์จิ้นของ Z.com ถูกเทขายออกมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างมาก แม้ทางบริษัทจะออกมาชี้แจงว่า มีวงเงินในบัญชีมาร์จิ้นเพียง 800 ล้านบาทก็ตาม  

ล่าสุด นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ในฐานะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ที่น่าผิดหวังที่สุดคือ ตลาดหุ้นไทย ที่ Underperform ตลาดหุ้นโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน

ถ้านับจากต้นปี 2023 มีตลาดหุ้นเพียง 8 แห่งในโลก ที่ให้ผลตอบแทนติดลบ ซึ่งตลาดหุ้นไทย (-14%) คือหนึ่งในนั้น อยู่ใน “อันดับรองสุดท้าย” เป็นรองแค่ ตลาดหุ้นบังกลาเทศ (-18%) ในขณะที่ตลาดหุ้นที่เหลือปรับขึ้นเฉลี่ย 53%  

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีผลงานยํ่าแย่ต่อเนื่อง นอกจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยที่ยังอยู่ในขาลง

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,055 วันที่ 22 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567