จาก The Great Transition สู่ Twin Transition

04 มี.ค. 2568 | 06:00 น.

จาก The Great Transition สู่ Twin Transition ในทางปฏิบัติสำหรับ SME ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลควบคู่กับการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์ นอกขนบ โดย สุวิทย์ สรรพวิทยศิริ “มูลนิธิ สวค.”

ในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา หลายประเทศต้องเผชิญทั้งแรงกดดันจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม การแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศด้าน EVs, Renewable Energy, และ AI รวมไปถึงแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เป้าหมาย Net Zero และ ESG และ กฎระเบียบ CBAM ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้าระหว่างประเทศ ทำให้เกิดแนวคิดการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ (Twin Transition) โดยสำหรับประเทศไทยที่เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนั้น Twin Transition เป็นอีกหนึ่งแนวทางการพัฒนาที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยยังสามารถแข่งขันในระดับโลกได้และพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ใกล้จะมาถึง

การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างสูงให้แก่องค์กรหรือหน่วยงาน และผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้ก่อน ทำให้ได้เปรียบในเชิงเปรียบเทียบ มี potential growth ที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีเหล่านั้นแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ความได้เปรียบดังกล่าวจะลดลง

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ประกอบการที่สามารถตอบสนองต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้ดี จะเป็นผู้ชนะและได้เปรียบในระยะยาว สามารถสร้าง new S-curve ได้ตลอดและหรือมีการสร้างนวัตกรรมที่ต่อยอดบนสินค้าและบริการ และได้อานิสงส์จากเทคโนโลยีมากที่สุด

 

ในขณะที่การปรับตัวของสิ่งแวดล้อมในระยะเริ่มต้นจะเป็นต้นทุนที่สูง เนื่องจากต้องมีต้นทุนในการดำเนินการ อีกทั้งจะกดดันความสามารถในการทำกำไร ในช่วงนี้รัฐควรจะเข้ามาแบกรับภาระให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนในช่วงแรกซึ่งอาจจะมีมาตรการทางการเงินและภาษีเข้ามาอุดหนุนเป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ประกอบการปรับตัวได้เข้าสู่ new normal ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอย่างเท่าเทียมกัน ต้นทุนและอุปสรรคด้านสิ่งแวดล้อมก็จะไม่ส่งผลให้เกิดการเสียเปรียบหรือได้เปรียบต่อกันมากนัก ยกเว้น ผู้ประกอบการรายที่ปรับตัวไม่ได้
 

แนวโน้มที่เป็นไปได้สำหรับ Twin Transition
 

ที่มา: สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง

 

จากกราฟแสดงให้เห็นแนวโน้มที่เป็นไปได้ของ Digital Transition Green Transition และ Profitability of Firm ในช่วงเวลาหรือระยะต่าง ๆ โดย
1. Digital Transition: แสดงการเติบโตในลักษณะลอการิทึม (logarithmic growth) ซึ่งอาจเกิดจากการปรับใช้เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
2. Green Transition: มีแนวโน้มการเติบโตแบบรากที่สอง (square root growth) สื่อถึงการปรับตัวด้านความยั่งยืนที่อาจเริ่มช้ากว่าแต่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
3. Profitability of Firm: เป็นผลรวมที่สะท้อนผลกระทบเชิงบวกจากทั้ง Digital และ Green Transition ต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการ
 

 


 

การเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ (Twin Transition) หมายถึง การพัฒนาภาคเศรษฐกิจและสังคม
โดยบูรณาการการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital Transformation) และการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Transition) อย่างสอดคล้องกัน แนวคิดนี้ได้รับความสนใจในสหภาพยุโรปและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น OECD และ UN โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)
 

 

ปัจจัยหลักในกระบวนการการเกิด Digital Transformation ที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรให้ความสำคัญนั้น ประกอบด้วย

  • กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Strategy) การกำหนดกลยุทธ์ที่เน้นการใช้สื่อดิจิทัล เช่น โซเชียลมีเดีย โฆษณาออนไลน์ และ SEO เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า กลยุทธ์นี้ช่วยเสริมความสามารถขององค์กรในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิม
  • การลงทุนในดิจิทัล (Investment in Digital) การลงทุนในเทคโนโลยี เช่น ระบบจัดการข้อมูล (CRM) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล การลงทุนนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน
  • การมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement) การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น การตอบกลับความคิดเห็นและคำถามของลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ปัจจัยนี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า

ในขณะเดียวกัน ปัจจัยหลักในกระบวนการการเกิด Green Transition ที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนควรให้ความสำคัญนั้น ประกอบด้วย

  • การปรับใช้แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน (Sustainable Practices Adoption) การนำแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น การลดการใช้ทรัพยากร การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้วัสดุที่ยั่งยืน
  • การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology Investment) การลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทดแทน ระบบประหยัดพลังงาน และการจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพ
  • การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement) การสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงาน ซัพพลายเออร์ และลูกค้า เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน


ความสำคัญในการผลักดัน Twin Transition ในประเทศไทย

ภายใต้แรงกดดันด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทย โดยเฉพาะภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ต้องมีการวางแผนและกำหนดทิศทางการสนับสนุนที่สอดคล้องกับทิศทางของโลกในอนาคต การนำหลัก Twin Transition มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยจะเสริมสร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมและ SMEs ปรับตัวและเตรียมพร้อมรับแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

การปรับตัวเข้าสู่ Twin Transition จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ESG (Environmental Social Governance) เช่น สหภาพยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสในธุรกิจรูปแบบใหม่ (New Business Models) การตอบสนองต่อแนวโน้มการค้าโลก อีกทั้งทั่วโลกยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น กฎระเบียบ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ของสหภาพยุโรป โดยหากผู้ประกอบการไทยไม่ปรับตัวจะเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้ารวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูลตลาดและลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น

นอกจากนั้นการเปลี่ยนผ่านแบบ Twin Transition จะเสริมสร้างศักยภาพของ SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งคิดเป็นผู้ประกอบการกว่า 3 ล้านราย มีสัดส่วนใน GDP ถึงร้อยละ 35 และมีการจ้างงานในสาขาการค้าและบริการกว่า 10 ล้านคน  การเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่จะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่รอดและเติบโตในยุคที่การแข่งขันและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้น รวมไปถึงการสร้างโอกาสใหม่

จากการผสมผสานเทคโนโลยีและความยั่งยืนสร้างโอกาสในตลาดใหม่ เช่น สินค้าและบริการสีเขียว (Green Products/Services) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน ซึ่งสามารถช่วยผู้ประกอบการทั้งเรื่อง Top Line คือ รายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และ Bottom Line หรือกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งในระยะยาว
 

แนวทางการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่ (Twin Transition) อุตสาหกรรมหลักของไทย

1. อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป (Agri-Food & Food Processing Industry)

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศศูนย์กลางการผลิตและส่งออกอาหารของโลก โดยเฉพาะอาหารแปรรูป อาหารทะเล และเครื่องปรุงรส การพัฒนา Smart Agriculture และ Sustainable Food Production เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลจะช่วยให้จะช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารไทยแข่งขันในตลาด ESG และ Green Economy ได้ง่ายขึ้น แนวทางการเปลี่ยนผ่าน Twin Transition ในอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป มีดังต่อไปนี้

Digital Transition    

  • ใช้ AI และ Big Data คาดการณ์อุปสงค์และซัพพลายสินค้า ลดของเสีย
  • พัฒนา Blockchain-based Food Traceability เพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน
  • นำ Smart Farming และ IoT Sensors มาใช้ในภาคเกษตรกรรม

Green Transition

  • ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์ ไบโอแก๊ส ในโรงงานผลิตอาหาร
  • ส่งเสริม เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เช่น การนำของเสียจากการผลิตมาใช้ใหม่
  • พัฒนา อาหารจากโปรตีนทางเลือก (Plant-based & Alternative Protein) ลดการปล่อยคาร์บอน

ตัวอย่างบริษัทที่ขับเคลื่อน Twin Transition:

  • CP Foods - ใช้ AI และ IoT ในฟาร์มอัจฉริยะ
  • Thai Union - ใช้ Blockchain เพื่อตรวจสอบย้อนกลับอาหารทะเล
  • Betagro - มุ่งสู่ Carbon Neutrality และพัฒนาอาหารโปรตีนทางเลือก

 

2. อุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง (Automotive & Transportation Industry)

ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของอาเซียนและมีทิศทางในการเปลี่ยนผ่านสู่ EV Hub 
โดยอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีความจำเป็นต้องลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อตอบโจทย์ ESG ทั้งรัฐบาลยังสนับสนุนอุตสาหกรรม EV และ Green Logistics ผ่านนโยบายต่าง ๆ เช่น EV 3.5 และ Green Transport แนวทางการเปลี่ยนผ่าน Twin Transition ในอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง มีดังต่อไปนี้

Digital Transition    

  • ใช้ AI และ IoT วิเคราะห์ข้อมูลการเดินทาง เพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์
  • ใช้ Big Data และ Telematics เพื่อลดต้นทุนพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพขนส่ง
  • พัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility Solutions)    

Green Transition

  • ผลักดันการใช้ EVs และ Green Transport เพื่อลดมลพิษ
  • ใช้พลังงานสะอาด เช่น Solar Charging Stations สำหรับโลจิสติกส์
  • พัฒนา Sustainable Packaging & Eco-Friendly Logistics

ตัวอย่างบริษัทที่ขับเคลื่อน Twin Transition

  • BYD  - ลงทุนผลิต EV ในไทย
  • PTT & Foxconn - พัฒนาแพลตฟอร์ม EV และ Battery Recycling
  • SCG Logistics - ใช้ EV และ AI-Driven Logistics

 

3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ (Electronics & Semiconductor Industry)

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และฮาร์ดแวร์ที่สำคัญในเอเชีย โดยแนวโน้ม AI, Cloud Computing, Edge Computing และ 5G ทำให้ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ประกอบกับความต้องการ Green Electronics & Sustainable IT กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก แนวทางการเปลี่ยนผ่าน Twin Transition ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ มีดังต่อไปนี้

Digital Transition    

  • ใช้ AI และ Digital Twin ในการพัฒนาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • ใช้ Automation และ Robotics ในโรงงานผลิตชิปและฮาร์ดแวร์
  • พัฒนา Smart Manufacturing & Industrial IoT    

Green Transition

  • ใช้พลังงานสะอาด เช่น Renewable Energy และ Green Data Centers
  • ลดของเสียจากการผลิตผ่าน Circular Manufacturing & Electronic Recycling
  • ผลิต ชิปและแบตเตอรี่ที่มีความยั่งยืน (Green Semiconductor & Eco-Friendly Battery)

ตัวอย่างบริษัทที่ขับเคลื่อน Twin Transition

  • Delta Electronics - ลงทุนใน Smart Factory & Green Electronics
  • Western Digital & Seagate - ใช้ Green Energy ในโรงงานฮาร์ดไดรฟ์
  • Infineon - พัฒนา Power Semiconductors ที่ใช้พลังงานน้อย


จากที่กล่าวมาข้างต้น Twin Transition จะสามารถช่วยให้ไทยแข่งขันในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านแบบควบคู่นั้นไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่ในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และควรจะมีการสนับสนุนและผลักดันจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตลอดห่วงโซ่การผลิตโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศและรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างพร้อมเพรียงกัน
 

ข้อเสนอแนะสำหรับการขับเคลื่อน Twin Transition ในประเทศไทย

ข้อเสนอแนะสำหรับภาครัฐ

1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานสะอาด

  • ลงทุนทางด้าน AI Infrastructure และ Data Centers เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และขยายโครงข่ายพลังงานสะอาด เช่น Smart Grid, Solar, Wind, EV Charging Infrastructure

2. การออกนโยบายและมาตรการสนับสนุน

  • เสนอมาตรการ Tax Incentives & Green Finance เช่น ลดภาษีสำหรับบริษัทที่ลงทุนใน AI, IoT, Automation และ Green Technology สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SMEs และ Startups ที่พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการออกกฎหมายและมาตรฐานด้าน ESG, Carbon Pricing และ Green Procurement

3. การพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับ Twin Transition

  • ดำเนินโครงการ Upskilling & Reskilling ด้าน AI, IoT, Cloud Computing, Data Science และ Green Energy สนับสนุนมหาวิทยาลัยและสถาบันฝึกอบรมให้เปิดหลักสูตรด้าน Digital & Green Skills


ข้อเสนอแนะสำหรับภาคเอกชน

1. การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและพลังงานสะอาด

  • ใช้ AI, Big Data, IoT และ Blockchain เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ลดต้นทุนใช้ พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์, Green Hydrogen, Circular Economy

2. การปรับห่วงโซ่อุปทานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • ใช้ Sustainable Sourcing & Green Logistics เพื่อลด Carbon Footprint พัฒนา Smart Warehousing & Digital Supply Chain

3. การส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้น ESG & Twin Transition

  • ตั้งเป้าหมาย Net Zero & Carbon Neutrality ให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม


Twin Transition จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ควรคำนึงถึงในกระบวนการจัดสรรงบประมาณและแผนการดำเนินงาน เป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน โดยการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลและสิ่งแวดล้อมจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายในการปรับตัวแต่หากมีการร่วมมือของภาครัฐและเอกชน พร้อมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม Twin Transition จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง