ในช่วงที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญล่าสุดมาได้ครึ่งทางนี้ มีเรื่องในทางลบให้ได้ยินได้ฟังมาตลอด นับตั้งแต่เรื่องแจกเงิน 10,000 บาทให้คนจน ซึ่งมีแต่เรื่องเป๋ไปเป๋มาจนประชาชนเขาเอือมระอาเต็มทีแล้ว เรื่อง Entertainment Complex ที่จะมีการอนุญาตให้ตั้งบ่อนคาสิโนที่ผู้คนคัดค้านกันมาก เรื่องไทยปล่อยให้เกิดธุรกิจสีเทาทั้งในประเทศตนเองและในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการแพร่ขยายของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์
แต่ที่เป็นเรื่องลบสุดๆก็คือเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ที่มีข่าวออกมาถี่เป็นระยะๆ ไม่ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับนายตำรวจใหญ่ประพฤติชั่ว เรื่องการบุกรุกใช้ที่ดินและทรัพยากรอื่นของรัฐโดยนักการเมืองและนายทุนที่อิงกับการเมือง ซึ่งมีเรื่องเก่าในอดีตที่กำลังพรั่งพรูออกมายิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 คนไทยเราจะให้รัฐบาลบริหารประเทศกันอย่างนี้หรือ
ยกตัวอย่างที่เป็นข่าววันสองวันนี้เช่นการใช้เงินจำนวนมากผิดปกติซื้ออาคารสถานที่เพื่อการบริหารแอปของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) หรือแม้แต่ในสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาคมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศที่คนไทยให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อได้ฟังการแถลงข่าวของท่านนายกสมาคมฟุตบอลคนปัจจุบันที่ทุ่มเทอย่างมาก กลับต้องมาเจอกรณีคอร์รัปชันต่างกรรมต่างวาระที่ถูกฝังเงียบมาตั้งแต่อดีต เป็นต้น
ชาวบ้านระดับรากหญ้า หรือคนที่ต้องทำมาหากินตัวเป็นเกลียว เขาไม่ฟังเรื่องคอร์รัปชันอยู่แล้ว หรือคนที่ฟังรู้เรื่องก็มักบ่นว่า ทำยังไงมันก็ไม่เบาลงเพราะเมืองไทยมีคอร์รัปชันในแทบทุกด้าน
ผมว่าชาวบ้านเขาพูดถูก แต่ถ้าคนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งและคนไทยที่เสียภาษีให้รัฐจะสนใจและคิดกันให้มากหน่อย จะเห็นได้ชัดว่าเมืองไทยนั้น การคอร์รัปชันเข้ามาผูกพันและกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคน หน่วยงานที่ต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างใกล้ชิดคือตำรวจ ปรากฏว่าเขาแบ่งงานให้ผู้ใหญ่ระดับรองหรือผู้ช่วยผบ.ตร. ตามงานที่มีโอกาสทำการคอร์รัปชันหนักได้ไล่เรียงกันไป เช่น การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ การค้ายาเสพติด เป็นต้น
แม้แต่สำนักงานป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ตั้งมาเพื่อปราบคอร์รัปชันโดยเฉพาะก็มีเรื่องกล่าวขวัญกันว่า ถ้าข้าราชการหรือพนักงานของรัฐผู้ใดมีเรื่องถูกกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชันให้มาสำนักงานนี้ที่เดียวจบทุกเรื่อง เอากับเขาสิครับ จริงหรือไม่คนธรรมดาอย่างท่านผู้อ่านและผมไม่รู้ครับ
เรื่องที่มักเห็นได้ไม่ยากในแหล่งท่องเที่ยว คือ การรีดไถเงินของตำรวจภูเก็ต ได้ฟังจากเพื่อนชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวหรือมาทำงานในจังหวัดภูเก็ตพูดกันหนักว่าตำรวจที่นั่นจ้องจับชาวต่างชาติที่ขับรถหรือขับขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่สวมหมวกกันน็อค ไม่มีใบขับขี่ หรือเมาแล้วขับ เมื่อถูกเรียกตรวจหากมีเค้าของความผิด จะถูกตำรวจเรียกค่าปรับถึงรายละ 10,000 – 20,000 บาท มิฉะนั้นต้องนำไปโรงพัก
ขอให้การท่องเที่ยวของไทยจงเจริญไปนานๆ เถอะครับ เพื่อให้การรีดไถคอร์รัปชันและการส่งส่วยอยู่ไปอย่างยั่งยืน