เนื่องจากปัจจุบันดัชนี SET Index อยู่ในโซนที่ค่อนข้างต่ำ และ เป็นขาลง ทำให้การลงทุน และ การเก็งกำไรในตลาดหุ้นนั้น ยากกว่าตอนตลาดเป็นขาขึ้น ทำให้เทรดเดอร์บางส่วน ต่างก็ย้ายไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดทองคำ หรือ ตลาดสกุลเงินดิจิตอลก็ดี แต่สำหรับเทรดเดอร์ที่ยังปักหลักในตลาดหุ้นไทยนั้น ควรปรับตัวอย่างไร หรือ ควรมีกลยุทธ์ใด ที่จะสามารถช่วยให้เรา สามารถผ่านพ้นช่วงตลาดขาลงให้อยู่รอดไปจนถึงตลาดขาขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง
การปรับตัวด้านกลยุทธ์การลงทุนของเทรดเดอร์ในช่วงที่ SET เป็นขาลงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องอาศัยการสังเกตพฤติกรรมของตลาดหุ้นบ่อยๆ และ ประเมินสถานการณ์ให้เท่าทัน เพื่อป้องกันการขาดทุน และ เพื่อหาช่องทางในการสร้างผลกำไรในสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
1. การป้องกันความเสี่ยงโดยใช้สัญญาออปชั่น (Options) หรือการใช้สัญญาฟิวเจอร์ (Futures)
การป้องกันความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องคำนึงถึงในช่วงที่ SET เป็นขาลง การใช้เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยป้องกันความเสี่ยง เช่น การใช้สัญญาออปชั่น (Options) หรือการใช้สัญญาฟิวเจอร์ (Futures) ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถลด หรือ ประกันความเสี่ยงของการลงทุน จากความผันผวนของตลาดได้
2. การกระจายการลงทุน
การกระจายการลงทุน หรือ Diversification เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนรูปแบบหนึ่ง โดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ หุ้นที่มีปันผลสูง หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ Outperform ตลาด หรือ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าในความเป็นจริง ซึ่งการกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ตลาดหุ้นตกต่ำ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเสียหายน้อยที่สุด
3. การใช้กลยุทธ์ Short Selling
Short selling เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากการที่ราคาหุ้นลดลง โดยการยืมหุ้นมาขายในราคาปัจจุบัน และซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่าในอนาคต กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับตลาดที่มีแนวโน้มขาลง และ ต้องการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่ต่ำลง ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่นิยมใช้กัน
4. การติดตามข่าวสารและข้อมูล
การติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง และ ตลาดหุ้น เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุน เทรดเดอร์ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และ รวดเร็ว ซึ่งอาจต้องติดตามทั้งข่าวภายในประเทศ และ ข่าวต่างประเทศ เพื่อปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ
5. การใช้วิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นเครื่องมือที่ช่วยเทรดเดอร์สามารถทำนายแนวโน้มของตลาด โดยการศึกษากราฟราคาและปริมาณการซื้อขาย การใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Moving Averages, Relative Strength Index (RSI) และ Bollinger Bands จะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจลงทุนได้แม่นยำขึ้น แม้ว่าการวิเคราะห์เทคนิคจะไม่ได้มีความแม่นยำระดับ 100% แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ วิเคราะห์ข้อมูลนำไปใช้ในการลงทุนได้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น
6. การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss)
การตั้งจุดตัดขาดทุนเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมความเสี่ยง เทรดเดอร์ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนให้เหมาะสมกับสภาพตลาด และ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การตั้งจุดตัดขาดทุนจะช่วยป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด ทำให้พอร์ตการลงทุนไม่เสียหายหนักจนเกินไป
การปรับตัวในด้านจิตวิทยาการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การปรับตัวด้านกลยุทธ์การลงทุน เพราะการลงทุนในสภาวะตลาดที่ขาลงต้องเจอกับความกดดัน และ ความไม่แน่นอนต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อสภาวะของจิตใจอย่างมาก เทรดเดอร์ควรมีการปรับตัวทางจิตวิทยาเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ตลาดขาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การควบคุมอารมณ์
การลงทุนในตลาดหุ้นต้องการการควบคุมอารมณ์อย่างดี เพราะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก ขัดกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพื้นฐานความเป็นมนุษย์ เทรดเดอร์จึงควรรักษาความเป็นกลาง และ ไม่ให้ความรู้สึกมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน เน้นตัดสินใจตามหลักการ และ แผนการลงทุนที่เตรียมไว้
2. การมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน
การมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนและวินัยในการปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้เทรดเดอร์มีความมั่นใจในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นแผนการซื้อขาย การตั้งจุดตัดขาดทุน หรือ การกระจายการลงทุน ต้องวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนการตัดสินใจลงทุนเสมอ
3. การเรียนรู้จากความผิดพลาด
การเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์เติบโต และ พัฒนาตนเอง การทบทวนและวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่ผ่านมาจากการจดบันทึกการเทรด จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับปรุงแผนการลงทุน และ หลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดซ้ำๆ ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับปรุงแก้ไข หากแต่ไม่มีการจดบันทึกการเทรด จะเป็นเรื่องยากที่ตัวเทรดเดอร์จะสามารถจดจำข้อผิดพลาดของตัวเองได้ในแต่ละวัน
การปรับตัวของเทรดเดอร์ในขณะที่ SET เป็นขาลงเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่หากมีการวางแผน และ ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงการปรับตัวในด้านจิตวิทยา เทรดเดอร์จะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ และ ยังคงสามารถสร้างผลกำไร หรือ ป้องกันการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ