แจกเงิน 10,000 “คนวัยทำงาน” ร้องเพลงรอไปก่อน

11 มี.ค. 2568 | 06:30 น.

แจกเงิน 10,000 “คนวัยทำงาน” ร้องเพลงรอไปก่อน : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,078

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,078 ระหว่างวันที่ 13-15 มี.ค. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย 

*** มีความชัดเจนออกมาแล้ว เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ว่า รัฐบาลจะ “แจกเงินดิจิทัล เฟส 3” คนละ 10,000 บาท สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี รวมทั้งหมด 2.7 ล้านคน วงเงิน 27,000 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายเงินได้ภายในปลายไตรมาส 2 ปีนี้ หรือต้นไตรมาสที่ 3 ปีนี้ (คาดเริ่มใช้จ่ายได้ในกลางเดือน มิ.ย.- ก.ค. 68) 

*** ความชัดเจนดังกล่าวเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุม พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้ออกมาพูดถึงเหตุผลการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 ดังกล่าวว่า รัฐบาลเห็นว่าคนกลุ่มนี้มีความเหมาะสม เพราะเป็นกลุ่มที่อยู่วัยเรียน สามารถนำไปใช้จ่ายในสิ่งของที่จำเป็นในการเรียน หรือ ช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ส่วนกลุ่มที่อายุเกิน 20-60 ปี รัฐบาลจะดูความเหมาะสมของช่วงเวลาอีกครั้ง เพราะมีความแตกต่างกัน โดยจะใช้ระบบของดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการ

*** ส่วนความคุ้มค่าทางด้านเศรษฐกิจต่อการดำเนินโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 นั้น นายพิชัย ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาอาจมีความเห็นที่ไม่เหมือนกัน ว่ามีความคุ้มค่ามากแค่ไหน จะกระตุ้น GDP ขึ้นมาอย่างไร แต่เชื่อว่าจะช่วยกระจายเงินลงไปในพื้นที่ได้ และช่วยบรรเทาภาวะหนี้ครัวเรือนลงได้ด้วย ซึ่งสองเรื่องนี้จะมีประโยชน์ในเชิงคุ้มค่ามากกว่า

 

สำหรับไทม์ไลน์ของโครงการแจกเงินดิจิทัล เฟส 3 นั้น ขั้นตอนต่อจากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็ว ๆ นี้ ก่อนจะเริ่มต้นโครงการเร็วที่สุด คือ ไตรมาสที่ 2 หรือ ต้นไตรมาสที่ 3 ปี 2568 โดยดูความเหมาะสมของเงินงบประมาณที่มีอยู่เป็นหลัก

*** จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท สำหรับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ครั้งนี้ รัฐบาลได้ตัดเงื่อนไขเดิมออก 2 ส่วน คือ ตัดรายการสินค้าต้องห้าม หรือ Negative List ออกทั้งหมด เพราะได้ตรวจสอบร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้ว เพื่อให้คนกลุ่มนี้สามารถใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น เช่น ซื้อสินค้าร้านโชห่วย หรือ ร้านที่มีสินค้าหลายประเภท หรือ ใช้จ่ายค่าเทอมได้ เปิดให้ร้านค้าทุกประเภทสามารถถอนเงินสดออกมาได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับร้านค้า

*** เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ชี้แจงว่า ในการใช้เงินงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ครั้งนี้ รัฐบาลจะพิจารณาให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยกันเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เอาไว้ 1.5 แสนล้านบาท ในปี 2568 ซึ่งเชื่อว่า มี “กระสุน” เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ่ายเงินให้กลุ่มนี้ก่อนนั้น ถือว่ามีความสามารถในการใช้จ่ายในช่วงเวลานี้ ส่วนกลุ่มอื่นจะดูตามความเหมาะสมต่อไป

*** ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท ไปแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ เฟส 1 แจกให้กลุ่มเปราะบาง ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ รับสิทธิจำนวน 14,450,168 คน,  เฟส 2 แจกให้ผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป รับสิทธิจำนวน 3,025,596 คน โดยทั้งสองเฟสครอบคลุมประชาชนกว่า 17 ล้านคน และใช้งบประมาณ 1.85 แสนล้านบาท

*** ส่วน “คนวัยทำงาน” ที่มีอายุระหว่าง 20 ปีขึ้นไปถึง 59 ปี ก็คงต้อง “ร้องเพลงรอ” รอๆๆๆ ไปก่อน เพราะรัฐบาลใช้คำว่า “จะดูความเหมาะสมของช่วงเวลาอีกครั้ง” และ “ดูความเหมาะสมของเงินงบประมาณที่มีอยู่เป็นหลัก” ...ก็เลยยังเอาแน่ เอานอนอะไรไม่ได้ ว่า "คนวัยทำงาน" จะได้รับเงิน 10,000 บาท เมื่อไหร่ หากได้รับจะเป็นการรับใน “เฟส 4” ทั้งหมดเลยทีเดียวหรือไม่ หรือ รัฐบาลอาจไม่มีเม็ดเงินงบประมาณแจกทั้งหมดที่เหลือทีเดียว ก็อาจเป็นไปได้อีกที่จะมีการแบ่งซอยแจกเงิน 10,000 บาท เป็น เฟส 4 - เฟส 5 - เฟส 6 หรือ เฟส ต่อๆ ไป  หรือไม่ ทั้งหมดทั้งปวงก็ขึ้นอยู่กับ “เงินงบประมาณ” เป็นหลัก

*** แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม “พรรคเพื่อไทย” เคยหาเสียงไว้ และประกาศเป็น “สัญญาประชาคม” แล้วว่า จะแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับ คนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ตอนหาเสียงเลือกตั้งแรกๆ ประกาศว่าจะแจกเงินให้กับคนที่อยู่ในหลักเกณฑ์ จำนวน 56 ล้านคน เป็นเงิน 560,000 ล้านบาท ต่อมา ใน “รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน” แรกเริ่มคาดว่าจะแจก 50 ล้านคน วงเงิน 500,000 ล้านบาท แต่มาตอนหลังลดเหลือ 45 ล้านคน วงเงิน 450,000 ล้านบาท พอมาถึง “รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร” จำนวนคนที่จะแจกเงินนั้นรายละเอียดยังไม่ชัดเจนว่าจะแจกกี่คน ยังจะแจกเหมือนเดิม 45 ล้านคน ใช้เงิน 450,000 ล้านบาท อยู่อีกหรือไม่? ดังนั้น เมื่อ “พรรคเพื่อไทย” ประกาศไว้ ก็คงต้องทำตามสัญญา จะ “บิดพลิ้ว” ไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการ “ฆ่าตัวตายทางการเมือง” เอาได้...

                            แจกเงิน 10,000 “คนวัยทำงาน” ร้องเพลงรอไปก่อน

*** ปิดท้ายกันที่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายอีกหลายภาคส่วน เตรียมจัดงาน “Water Festival 2025 เทศกาลวิถีน้ำ…วีถีไทย” โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มหาสงกรานต์ มหาสนุก” ตอกย้ำสงกรานต์ร่วมสมัยที่สืบสานวัฒนธรรมประเพณีดีงาม พร้อมผลักดันประเพณีสงกรานต์สู่ Global Cultural Destination เสริมสร้าง Soft Power ผ่านการนำเสนอการละเล่น กีฬาไทย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม และร่วมภาคภูมิใจ “สงกรานต์ดีงามอย่างไทย” สู่การบันทึกเป็นมรดกโลก ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10  ทั้งหมด 4 ภาค 6 จังหวัด ของประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2568 ได้แก่ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ริมโค้งน้ำที่ยาวที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา 5 วัด 7 ท่าน้ำ โดยปีนี้มีความพิเศษขยายพื้นที่การจัดงาน เชื่อมโยงพื้นที่ China Town Market เฉลิมบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานี ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต และ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน

โดยการแถลงข่าวจัดงานดังกล่าว จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 18 มีนาคม 2568 เวลา 18.00-19.00 น. ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร มี สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย สุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงานฯ และ นิติกร กรัยวิเชียร ผอ.โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ร่วมด้วยพันธมิตรทุกภาคส่วน