ราคานํ้ามันดิบส่งสัญญาณปรับตัวลงต่อเนื่อง

15 ก.พ. 2568 | 06:09 น.

ราคานํ้ามันดิบส่งสัญญาณปรับตัวลงต่อเนื่อง : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4071

จากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีความมุ่งมั่นที่จะเริ่มเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หลังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนไปแล้วเบื้องต้น พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาเดินหน้า เริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน

ทั้งนี้ ถือเป็นการเจรจาทางการฑูตเป็นครั้งแรก หลังโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตําแหน่งประธานาธิบดี เป็นไปตามคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ที่จะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลเรื่องอุปทานนํ้ามันดิบที่ตึงตัว จากการทําสงครามในช่วงที่ผ่านมา และถือเป็นข่าวดีที่ทั่วโลกรอมานานกว่า 3 ปี

การยุติสงครามระหว่างกันจะนำไปสู่การปลดล็อกอุปทานนํ้ามันของรัสเซีย ที่ถูกจำกัดโดยมาตรการควํ่าบาตรของสหรัฐอเมริกา จากความยืดเยื้อที่เกิดขึ้น ถือเป็นตัวแปร หรือ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานโลก โดยเฉพาะราคานํ้ามันและก๊าซธรรมชาติ ที่ไทยในฐานะผู้นำเข้าเป็นหลัก ได้รับผลกระทบโดยตรง

หลังมีข่าวเกิดขึ้น ราคานํ้ามันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลง ล่าสุดนํ้ามันดิบเวสต์เท็กซัส มาอยู่ที่ระดับ 70-71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นํ้ามันดิบเบรนท์ ที่ระดับ 74-75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และนํ้ามันดิบดูไบ ที่ระดับ 78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ มองว่า ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มที่จะรับตัวลดลงอีกจากปัจจัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ หันมาให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงฟอสซิล แทนที่จะส่งเสริมพลังงานสะอาด โดยการเร่งขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ สร้างการจ้างงาน รวมถึงการลดค่าครองชีพ ซึ่งจะมีผลต่อปริมาณการผลิตนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น กดดันราคาตลาดนํ้ามันให้ปรับตัวลดลงอีกได้

ขณะที่กลุ่ม OPEC+ ยังคงมติการเพิ่มปริมาณการผลิตนํ้ามันดิบ จาก 8 ประเทศสมาชิก จากที่เคยอาสาลดการผลิตในปริมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะกลับมาทยอยเพิ่มขึ้นเดือนละ 138,000 บาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ในเดือนเมษายน-กันยายน 2568

 รวมถึงรายงานฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ของ OPEC คาดการณ์อุปสงค์นํ้ามันโลกปี 2568 เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 105.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี 2569 เพิ่มขึ้น 1.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 106.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากอุปสงค์นํ้ามันในภาคคมนาคมที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ จากภาวะสงครามทางการค้าที่เกิดขึ้น ที่ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเหล็ก และ อะลูมิเนียม จากทุกประเทศอยู่ที่ 25% ซึ่งมีผลไป เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ประกอบกับการทยอยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ จากทั่วโลก อาจจะส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้ 

ด้วยปัจจัยการจัดหานํ้ามันดิบที่เพิ่มขึ้น บวกกับ ความต้องการใช้นํ้ามันลดลงจากภาวะแศรษฐกิจโลกชะลอตัว จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคานํ้ามันในตลาดโลกหลังจากนี้ไป 

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,02 วันที่ 16 – 19 กุมพาพันธ์ พ.ศ. 2568