เมื่อ“America First”กลับมาไทยต้องปรับตัวในยุคทรัมป์ 2.0

22 ม.ค. 2568 | 12:38 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ม.ค. 2568 | 12:56 น.

เมื่อ“America First”กลับมาไทยต้องปรับตัวในยุคทรัมป์ 2.0 : บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,064

การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ไม่เพียงสะท้อนความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเศรษฐกิจและการค้าโลก ผ่านนโยบายที่เน้น “America First” หรือ “อเมริกาต้องมาก่อน” อย่างเข้มข้น

จากคำปราศรัยรับตำแหน่งและแผนการออกคำสั่งบริหารในวันแรก เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 สะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์พร้อมใช้อำนาจอย่างเต็มที่เพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เพื่อเร่งการขุดเจาะนํ้ามันและก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ พร้อมยกเลิกนโยบาย Green New Deal และข้อบังคับยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไบเดน

นโยบายการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์ครั้งนี้ มีความชัดเจนและแข็งกร้าวมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยงานจัดเก็บรายได้ภายนอก “External Revenue Service” เพื่อเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ โดยเฉพาะกับจีนที่อาจต้องเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 60% รวมถึงแคนาดาและเม็กซิโกที่อาจถูกเก็บภาษี 25%

ต้องยอมรับว่า ความท้าทายสำหรับเศรษฐกิจไทย ภายใต้ยุคทรัมป์ 2.0 มีหลายประการ ประการแรก การกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ที่ไทยเป็นส่วนหนึ่ง และกระทบต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม

ประการที่สอง นโยบายพลังงานที่เน้นเชื้อเพลิงฟอสซิลของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อราคานํ้ามันในตลาดโลก ขณะที่การยกเลิกนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ อาจชะลอการเติบโตของอุตสาหกรรม EV ทั่วโลกรวมถึงไทย

ประการที่สาม การใช้มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การตอบโต้จากประเทศคู่ค้า และทำให้การค้าโลกชะลอตัว ซึ่งไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออก จะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม วิกฤตอาจมาพร้อมโอกาส การย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ อาจเป็นโอกาสให้ไทยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความพร้อมด้านห่วงโซ่อุปทานและแรงงานมีฝีมือ

นอกจากนี้ นโยบายด้านพลังงานของทรัมป์ อาจเป็นโอกาสให้ไทยทบทวนยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการสร้างสมดุลระหว่างพลังงานสะอาด และความมั่นคงทางพลังงาน รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ที่ควรเน้นการพึ่งพาตลาดในประเทศและภูมิภาคมากขึ้น

สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการ คือ การเตรียมพร้อมรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะการกระจายความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุน การเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย

ขณะเดียวกัน ภาครัฐควรติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และเร่งเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงแสวงหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้

การกลับมาของทรัมป์ครั้งนี้ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระเบียบเศรษฐกิจโลก ไทยจำเป็นต้องปรับตัว และเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งการรับมือความท้าทาย และการฉกฉวยโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีของประชาชน

หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 44 ฉบับที่ 4,064 วันที่ 23 - 25 มกราคม พ.ศ. 2568