เมื่อป.ป.ช.ก้าวก่าย อำนาจบริหาร ทำนโยบายรัฐบาลแป๊ก

10 ก.พ. 2567 | 07:22 น.

เมื่อป.ป.ช.ก้าวก่าย อำนาจบริหาร ทำนโยบายรัฐบาลแป๊ก คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...กาแฟขม

คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,965 ระหว่างวันที่ 11-14 ก.พ.2567 โดย...กาแฟขม 
 
ยืนยันออกมาแล้ว สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลกรณี การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ย่อๆ พอให้แลเห็น รัฐบาลควรศึกษา วิเคราะห์ การดำเนินโครงการตามนโยบายฯ รวมทั้งชี้แจงความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ว่า ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ จะไม่ตกแก่พรรคการเมือง นักการเมือง หรือเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บุคคลรายใดรายหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายที่อาจเข้าข่ายการทุจริตเชิงนโยบาย
 
การหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และ พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โครงการมีความแตกต่างกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งควรดำเนินการตรวจสอบว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ 

การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนผลกระทบ และภาระทางการเงิน การคลังในอนาคต ภายใต้หลักธรรมาภิบาล 4 ด้าน คือ ความโปร่งใส (Transparency) การถ่วงดุล (Checks and Balances) การรักษาความมั่นคงของระบบการคลัง (Fiscal Integrity) และความคล่องตัว (Flexibility) ซึ่งรัฐบาลพึงต้องใช้ความระมัดระวัง พิจารณาระหว่างผลดี ผลเสียที่จะต้องกู้เงินจำนวน 500,000 ล้านบาท 

การเติมเงินผ่าน Digital Wallet ครม.ควรพิจารณาประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ ทั้ง รัฐธรรรมนูญ ทั้งพ.ร.บ.เงินคงคลัง ทั้ง พ.ร.บ.เงินตรา ตลอดจนกฎหมาย คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ควรมีการประเมินความเสี่ยงรอบด้าน มาตรการในการบริหารความเสี่ยง และการป้องกันการทุจริต มีกระบวนการในการตรวจสอบทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากการดำเนินโครงการ

การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้กับโครงการ ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ตลอดจนระยะเวลา และงบประมาณที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบ จากข้อมูลภาวะเศรษฐกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ตัวบ่งชี้ภาวะวิกฤตที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ศึกษาอัตราความเจริญเติบโตยังไม่ถึงขั้นประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ เพียงแต่ชะลอตัวเท่านั้น 

ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน รัฐบาลควรพิจารณาและให้ความสำคัญต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น การกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน การกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การเพิ่มทักษะให้แก่แรงงาน กรณีช่วยเหลือประชาชนภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤต ควรพิจารณากลุ่มประชาชนเป้าหมายที่เปราะบางที่สุด ซึ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง  
 
หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องการช่วยเหลือประชาชน รัฐบาลควรช่วยเหลือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจน ที่เปราะบาง หากใช้แหล่งเงินงบประมาณปกติ มิใช่จากการกู้เงินตามพระราชบัญญัติเงินกู้ จะลดความเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ ขัดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และขัดพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ประการสำคัญไม่สร้างภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว 
 
ว่าก็ว่าข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ที่มีไปถึงรัฐบาล ออกจะใช้สิทธิเกินส่วนไปหน่อย ว่าที่จริงแล้วในคำเตือนก็แฝงยาวไปถึงหน่วยงานอื่น และออกจะก้าวก่ายอำนาจการบริหารไปด้วยซํ้า ถ้าใช้บรรทัดฐานข้อเสนอแนะ ป.ป.ช.กรณีนี้ ต่อไปรัฐบาลอาจริเริ่ม หรือ ทำโครงการอะไรไม่ได้เลยในทางการบริหาร จะถูกเบรกด้วยเสียก่อนที่โครงการจะเกิด ซึ่งต่างจากโครงการจำนำข้าว ที่ทำไปแล้ว และเห็นช่องทางเกิดทุจริต จึงออกมาเตือน 

แต่โครงการนี้ยังไม่ทำ ใครมาเป็นรัฐบาลจะลำบากในการคิด ทำโครงการใหม่ๆ ขึ้นมา แถมยังเตือนไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ กระตุ้นได้ไหม ตรงจุด ไม่ตรงจุด น่าจะไม่ใช่หน้าที่ของป.ป.ช. แม้จะบอกว่าไปเอารายงานของหน่วยงานเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นที่ถกเถียงในเรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ตรงและแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ยึดการวัดตัวเลข GDP เป็นที่ตั้ง แน่นอนบริษัทใหญ่ๆ ดันจีดีพีโตในภาพรวม แต่การกระจายตัวเศรษฐกิจมีปัญหามากจริงๆ เมื่อลงไปตามหัวเมือง และ เดินถนน
 
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ใหม่จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% ลดลงเหลือ 2.5-3% ไม่รวมโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล และประเมินเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง จากภาคการส่งออกและการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างกระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวมากกว่าที่ประเมินไว้ 

แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ด้านอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับตํ่า ปัจจุบันมีสัญญาณชัดเจนว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเจอกับปัญหาเชิงโครงสร้าง ส่งผลให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ตํ่า ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ก็อาจถูกกระทบจากการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป มีแนวโน้มปรับลดลงกว่าที่ประเมินไว้ เป็นผลมาจากราคาอาหารสดและราคาพลังงาน รวมทั้งการขยายมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดยอัตราเงินเฟ้อที่ตํ่าในปัจจุบันไม่ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ  
 
ฟังแล้วก็เห็นว่า เศรษฐกิจชะลอ แต่กำลังซื้อการบริโภคจะช่วยกระตุ้น เงินเฟ้อตํ่า แต่ไม่ลดดอกเบี้ย มันก็จะงงๆ หน่อยๆ เงินเฟ้อตํ่าไม่ได้บ่งชี้อุปสงค์อ่อนแอ แต่อยากขอให้ลองลงไปดูหัวเมืองกันบ้างเถิด พ่อเจ้าประคุณ! ประชาชนรากหญ้าเขาจะตายกันหมดประเทศแล้ว ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำมาค้าขายแทบไม่ได้เลย บังเอิญเพิ่งลงไปท้องถิ่นมา พบปะผู้คนมากมายหน้าดำครํ่าเครียด ล้วงกระเป๋าซ้ายก็ว่างเปล่า กระเป๋าขวาก็แฟ่บ ฯพณท่านฯ” พอจะกำหนดนโยบายช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง อย่ามากางตำราเป๊ะๆๆ เอาตามฉันกันเลยพ่อคู้น!!