ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจคนสำคัญของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่อง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ที่เกิดจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ นโยบายภาษีศุลกากร ของรัฐบาล แม้ว่าการสำรวจครัวเรือนของสหรัฐฯ จะแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น รวมทั้งหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงลงเช่นกัน
ในบทสัมภาษณ์กับ CNBC เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวว่า มีหลายเหตุผลที่จะต้องมองในแง่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะมีการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศจะหดตัวในไตรมาสแรกและความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อก็ตาม เเละเสริมว่า สาเหตุเกิดจากผลกระทบจากการผลักดันภาษีศุลกากรอย่างรวดเร็วของทรัมป์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลของโจ ไบเดน ได้ดำเนินการไว้
มีหลายเหตุผลที่จะมองในแง่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต แต่แน่นอนว่าในไตรมาสนี้ ข้อมูลมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง
ฮาสเซตต์พูดในแง่ดีโดยโต้แย้งว่า การลดภาษีของสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มการลงทุน และเพิ่มค่าจ้างจริงในไตรมาสที่สอง ซึ่งจะชดเชยผลกระทบเชิงลบจากภาษีศุลกากร
แค่ระวังการสนทนาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยให้มาก สิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นคือไตรมาสแรกจะค่อยๆ กลายเป็นบวก จากนั้นไตรมาสที่สองจะดีขึ้น เมื่อทุกคนเห็นถึงความเป็นจริงของการลดหย่อนภาษี
ตัวชี้วัดหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่อ่อนแอลง และผลสำรวจความคาดหวังของผู้บริโภครายเดือนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำนิวยอร์กที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์สรุปว่า
ครัวเรือนแสดงความรู้สึกที่เป็นลบมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินในปีข้างหน้าขณะที่ความคาดหวังด้านการว่างงาน การผิดนัดชำระหนี้ และการเข้าถึงสินเชื่อแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนที่คาดว่า อัตราการว่างงานจะสูงขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
ขณะเดียวกัน เครื่องมือติดตาม GDP ที่มีการติดตามอย่างใกล้ชิดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำแอตแลนตา แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจอาจหดตัวในช่วงสามเดือนแรกของปี ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากแรงกดดันอย่างมากจากการค้าสุทธิ
แฮสเซ็ตต์กล่าวว่า นี่จะเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวมาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ที่จะชะลอการลงทุนหลังการเลือกตั้งครั้งใหญ่ แนวโน้มนี้ควรได้รับการแก้ไข และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรควรได้รับการแก้ไขในเดือนเมษายน
ในบทสัมภาษณ์กับ Fox News ที่ออกอากาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ปฏิเสธที่จะคาดการณ์ว่านโยบายเศรษฐกิจ ซึ่มุ่งเน้นไปที่การประกาศภาษีศุลกากรจำนวนมาก เเละบางส่วนได้เริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ในขณะที่บางส่วนถูกเลื่อนออกไปหรือจะเริ่มใช้ในภายหลังจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่
การตัดสินใจที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นการทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงและกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงมากที่สุดในวันจันทร์ นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
ดัชนี S&P 500 ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.7% และดัชนี Nasdaq ลดลง 4% ทั้งคู่อยู่ในระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายน
ดัชนี S&P 1500 Supercomposite ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยวัดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าไปเกือบ 4.9 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์
สมมติฐานภาษีศุลกากรที่ไม่เอื้ออำนวย
ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเผยให้เห็นว่า เศรษฐกิจของเม็กซิโก แคนาดา และสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นท่ามกลางการบังคับใช้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากให้กับธุรกิจและผู้มีอำนาจตัดสินใจ
ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่านักเศรษฐศาสตร์ 70 คนจาก 74 คน ที่สำรวจในแคนาดา สหรัฐฯ และเม็กซิโก ประเมินว่า ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงด้านบวกต่อเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ
นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯ ในปี 2025 และเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ โดยได้รับแรงหนุนจากสมมติฐานภาษีศุลกากรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประมาณการการเติบโตอยู่ต่ำกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้เป็นครั้งแรกในรอบสองปีครึ่ง