ในบรรดากลุ่มธุรกิจ ICT ชื่อชั้นของ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ติดอยู่ในทำเนียบลำดับต้นๆ เป็นเพราะ สกาย ได้รับสัมปทานติดตั้งเครือข่าย ICT ให้กับภาครัฐวิสาหกิจชั้นนำ คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ AOT และ โครงการการให้บริการระบบตรวจสอบ และ คัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS)
ข้อมูลปี 2567 AOT มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกประเทศมากถึง 119 ล้านคน ส่งผลให้การดำเนินงานของ SKY ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน เป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย SKY คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยจะเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2568
ล่าสุดบริษัทลูกของสกาย คือ บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS ให้บริการวางระบบ ICT ร่วมกับกิจการร่วมค้า เอสพี (SP Consortium) ลงนามสัญญาโครงการจัดซื้อระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย กับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มูลค่า 992 ล้านบาท
เมื่อพลิกไปดูผลประกอบการ สกาย กรุ๊ป ในปี 2567 พบว่า มีรายได้รวม 6,718 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 8 ปี มีกำไรสุทธิที่ 481 ล้านบาท ภายใต้บริษัทลูกสกายกรุ๊ป ประกอบไปด้วย บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS , บริษัท เมทเธียร์ จำกัด ให้บริการระบบจัดการด้านความปลอดภัย แม่บ้านและอาคารสถานที่ด้วยเทคโนโลยี, บริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน SAWASDEE และ บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชันแนล จำกัด ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ครบวงจร
นอกจากขยายธุรกิจลงทุนในบริษัทลูกแล้ว สกาย ได้ต่อยอดธุรกิจเข้าไปลงทุนใน บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC ถือหุ้นในสัดส่วน 18.8% , บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT จำนวน 24.90% , บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส หรือ GSV จำนวน 20% และ บริษัท เอสเอแอล กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด
สำหรับ สกาย ไอซีที ชื่อเดิม คือ บริษัท สกายไฮ จำกัด อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็น 1 ใน 5 บุคคลที่บุกเบิกร่วมก่อตั้ง สกาย ไอซีที ขึ้นมา
“สิทธิเดช” กล่าวว่า ด้วยจำนวนพนักงานปัจจุบันเกือบ 1.2 หมื่นคน พื้นฐานการศึกษาจบมาจากหลากหลายแขนงบางคนจบจากวิศวกรรม การตลาด บัญชี และ การเงิน เป็นต้น ส่งผลให้ทีมงานภายในบริษัทฯ มีครบทุกเจเนอเรชัน ตั้งแต่ Gen Y สัดส่วน 35% อายุต่ำกว่า 30 ปี ผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปอยู่ในช่วง Gen C และ Gen X ช่วงปลาย ส่วนที่ปรึกษาบริษัทอยู่ในช่วง Baby Boomer
ดังนั้นการบริหารองค์กรต้องบริหารครบทุกเจเนอเรชัน ทำให้การบริหารงานค่อนข้างยาก เรื่องสำคัญที่สุด คือ คน เพราะ คน คือ หัวใจทำงาน ส่วนเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมาจากความคิดของคนทั้งนั้น
“ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยพูดว่า การบริหารคนต้องใช้หัวใจทำงาน ดังนั้นผมจึงใช้หลักคิดดังกล่าวมาบริหารจัดการประยุกต์ภายในบริษัท เพราะแต่ละเจนเนอเรชันเติบโตขึ้นมารับรู้เทคโนโลยีแตกต่างกัน"
ดังนั้น ผมจะบอกทางทีมฟังเสียงน้องๆ น้องคือ อนาคต สิ่งที่เราทำทุกวันนี้ คือ อนาคต เราต้องเปิดโอกาสให้น้องมีเสียงมีการแสดงออกที่ดี นำมาผสมผสานกับผู้บริหารในองค์กร เพราะฉนั้นความยาก คือ ต้องทำให้ผู้บริหารยอมรับความคิดของน้องๆ แม้ผู้บริหารมีมากประสบการณ์และมาพร้อมความมั่นใจ แต่ต้องลดความอีโก้ ลงมา ส่วนพนักงานระดับปฏิบัติการต้องยอมรับประสบการณ์ของผู้บริหารด้วยเช่นกัน
“สิทธิเดช” บอกต่ออีกว่า สกาย ได้ใช้หลักของ TRUST เข้ามาบริหารจัดการภายในองค์การโดยยึดหลัก 3C คือ
“เพราะเป้าหมายของ สกาย ในอนาคตกำลังหาโอกาสเข้าไปซื้อกิจการบริษัทข้ามชาติที่พัฒนาด้านซอฟต์แวร์เพื่อนำ สกาย สยายปีกโกอินเตอร์ในต่างประเทศ”
สำหรับ SKY ณ สิ้นปี 2567 มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือเพื่อรองรับการเติบโตของแต่ละหน่วยธุรกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทังนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพซึ่งสามารถต่อยอดด้วยเทคโนโลยี เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนให้แข็งแกร่งขึ้น SKY มั่นใจว่าปี 2568 บริษัทจะยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเต็มที่และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต
“SKY วางแผนดำเนินธุรกิจที่มีโครงสร้างรายได้ครอบคลุมทั้งรูปแบบสัมปทาน (Concession), รายได้หมุนเวียน (Recurring Income) และสัญญาระยะยาว (Cash Cow) เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต”นายสิทธิเดชกล่าวทิ้งท้าย.