ยูเครนสู่ปีที่ 4 ของสงคราม แนวรบเดือด พันธมิตรสหรัฐฯ เริ่มสั่นคลอน

ยูเครนเข้าสู่ปีที่ 4 ของสงครามเต็มรูปแบบกับรัสเซียโดยไม่แน่ใจว่าจะสามารถพึ่งพาพันธมิตรที่มั่นคงที่สุดอย่างสหรัฐฯ ได้อีกต่อไปหรือไม่ ขณะที่ทหารของยูเครนที่อ่อนล้าต่อสู้เพื่อยึดพื้นที่จากการรุกคืบที่ไม่ลดละของศัตรู

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ว่าเป็น "เผด็จการ" ซึ่งจำเป็นต้องทำข้อตกลงสันติภาพโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะสูญเสียประเทศไป ในขณะที่ผู้นำยูเครนกล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังอยู่ใน ช่วงเวลาของข้อมูลเท็จ

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังได้เปิดการเจรจาโดยตรงกับฝ่ายรัสเซียในซาอุดิอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยปิดกั้นยูเครนและยุโรป ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับสงครามที่ถูกจับตา

ผู้นำยูเครนกำลังเผชิญความขัดแย้ง

สหรัฐ ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะไม่ส่งทหารใดๆ เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัยที่ยูเครนต้องการ หากมีข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ซึ่งถูกมองว่าเป็นการโยนภาระไปที่มหาอำนาจยุโรปโดยตรง โดยมีแนวโน้มที่จะต่อสู้ดิ้นรนหากไม่มีการสนับสนุนจากสหรัฐฯ

ผู้นำของยูเครนที่กำลังเผชิญความขัดแย้ง ซึ่งบอกกับยุโรปให้จัดตั้งกองทัพของตัวเอง และเรียกร้องให้สหรัฐใช้หลักปฏิบัติ รอยเตอร์รายงานว่า มีการทรศัพท์ไปหาผู้นำยุโรปมากกว่าสิบสายตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เพื่อเสริมการสนับสนุนและหาหนทางข้างหน้า

หลังจากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งได้เพียงเดือนเดียว ผู้นำยุโรปหลายคนคาดว่าจะเดินทางไปเยือนเมืองหลวงของยูเครนเพื่อร่วมรำลึกถึงวันครบรอบความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองร่วมกับเซเลนสกี

ชาวยูเครนเสียชีวิตไปแล้วหลายพันคน และมีผู้ลี้ภัยในต่างแดนมากกว่า 6 ล้านคน นับตั้งแต่ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน สั่งการให้บุกโจมตีทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ

การสูญเสียทางการทหารนั้นร้ายแรงมาก แม้ว่าจะยังคงเป็นความลับที่ปกปิดไว้อย่างดีก็ตาม การประมาณการของฝ่ายตะวันตกโดยอ้างอิงจากรายงานข่าวกรองนั้นแตกต่างกันมาก แต่ส่วนใหญ่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บหลายแสนคนในแต่ละฝ่าย

โศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นกับครอบครัวต่างๆ ในทุกมุมของยูเครน ซึ่งงานศพของทหารถือเป็นเรื่องปกติในเมืองใหญ่และหมู่บ้านห่างไกล ผู้คนต่างเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับเพราะเสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศ

ทหารยูเครนต้องเผชิญกับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่า

มีคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของความช่วยเหลือทางทหารที่สำคัญของสหรัฐฯ ไม่ชัดเจนว่า พันธมิตรในยุโรปจะสามารถเติมเต็มช่องว่างนี้ได้มากเพียงใด หากการสนับสนุนของสหรัฐฯ ลดลงหรือหยุดลง

เอฟเฮน โคโลซอฟ หัวหน้าแพทย์ประจำจุดรักษาเสถียรภาพของกองทัพยูเครน กองพลสปาร์ตันที่กำลังสู้รบอยู่ในภาคตะวันออก กล่าวว่า ทหารเหล่านี้มีสภาพจิตใจที่อ่อนล้าลง

พวกเขายังคงสู้ต่อไป แต่จริงๆ แล้ว คนที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่วันแรกๆ เหนื่อยมากกว่าทางร่างกายเสียอีก เหมือนกับเจ้าหน้าที่แพทย์ มันยาก แต่สงครามครั้งนี้ ใครบอกว่ามันจะง่าย

พาฟโล คลิมกิน รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2019 กล่าวว่า เซเลนสกีจำเป็นต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐ ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความสัมพันธ์กับยุโรป ตลอดจนเข้าถึงประเทศต่างๆ เช่น จีนและอินเดีย

โดยเขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐไปถึงจุดวิกฤต แม้ทรัมป์จะระเบิดอารมณ์ก็ตาม

พายุทอร์นาโดไม่ยั่งยืน มันจะผ่านไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากคือต้องไม่ก่อให้เกิดพายุทอร์นาโดในทางใดทางหนึ่ง

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีข้อตกลงสันติภาพในปีนี้ที่จะตอบโจทย์ความทะเยอทะยานของยูเครนที่ต้องการอะไรที่ยุติธรรมและยั่งยืน แต่คิดว่าอาจมีองค์ประกอบของข้อตกลงหยุดยิง

โอเล็กซานเดอร์ เมเรซโก  สมาชิกรัฐสภาจากพรรคของเซเลนสกี ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของรัฐสภา กล่าวว่า จำเป็นต้องเสริมสร้างการติดต่อกับสหรัฐฯ ในทุกระดับ รวมถึงการที่ขบวนการ MAGA สนับสนุนทรัมป์ด้วย

หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ในปัจจุบันคือ ข้อตกลงที่อยู่ในระหว่างการหารือซึ่งอาจเปิดโอกาสเข้าถึงความมั่งคั่งทางแร่ธาตุของยูเครนให้กับสหรัฐฯ โดยทรัมป์ต้องการเงินหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อตอบแทนการสนับสนุนของสหรัฐ

เซเลนสกีปฏิเสธที่จะลงนามในร่างข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อต้นเดือนนี้ โดยประท้วงว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อยูเครน และไม่มีการรับประกันความปลอดภัยตามที่ต้องการ

ขณะที่ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าข้อตกลงใกล้เสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่ารายละเอียดต่างๆ จะยังไม่ชัดเจน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะเจรจาของสหรัฐฯ ที่กดดันให้บรรลุข้อตกลงได้เสนอความเป็นไปได้ในการตัดการเข้าถึง ระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ของอีลอน มัสก์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการทางทหารของยูเครน

ทรัมป์ยังกดดันยูเครนให้จัดการเลือกตั้งในช่วงสงคราม ซึ่งเคยกล่าวถึงเซเลนสกีมานานแล้วว่าไม่ชอบธรรมอีกต่อไป

วาระการดำรงตำแหน่งของผู้นำยูเครนจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการเลือกตั้งใดๆ เกิดขึ้นเนื่องจากกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้เมื่อเริ่มต้นการรุกราน และห้ามไม่ให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

เซเลนสกีกล่าวว่า เขายินดีที่จะสละตำแหน่งประธานาธิบดี หากนั่นหมายถึงสันติภาพ พร้อมทั้งกล่าวติดตลกว่า สามารถแลกการจากไปของเขากับการที่ยูเครนเข้าร่วมนาโต้ได้

ยังไม่ชัดเจนว่าการตัดสินใจของทรัมป์ในการเลือกตั้งและการโจมตีด้วยวาจาต่อเซเลนสกีจะส่งผลต่อคะแนนความน่าเชื่อถือของเขาซึ่งยังคงอยู่สูงกว่า 50% ตามผลสำรวจในยูเครนหลายแห่งอย่างไร