จีนออกมาสนับสนุนแผนสันติภาพยูเครนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในที่ประชุม G20 ที่แอฟริกาใต้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันจากพันธมิตรตะวันตกที่ยังคงหนุนหลังประธานาธิบดียูเครน วโลดีมีร์ เซเลนสกี การประกาศสนับสนุนของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์พลิกนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเปิดการเจรจากับรัสเซีย ขณะที่ยูเครนถูกกันออกจากวงสนทนา
เพียงหนึ่งเดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้ยุติแนวทางเดิมของสหรัฐฯ ที่พยายามโดดเดี่ยวรัสเซีย เขาโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เจรจาโดยตรงกับมอสโก ซึ่งส่งผลให้ยุโรปและยูเครนต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทรัมป์เพิ่มความร้อนแรงขึ้นอีกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยการเรียกเซเลนสกีว่าเป็น "เผด็จการที่ไม่มีการเลือกตั้ง" จุดประกายให้ประเทศสมาชิก G20 หลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ออกมาประกาศสนับสนุนเซเลนสกีอย่างแข็งกร้าว
รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ กล่าวในที่ประชุม G20 ว่า "จีนสนับสนุนทุกความพยายามที่เอื้อต่อสันติภาพในยูเครน รวมถึงข้อตกลงที่สหรัฐฯ และรัสเซียเพิ่งตกลงกัน" เขาย้ำว่าปักกิ่งยินดีมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการแก้ไขวิกฤตทางการเมือง
แม้ว่าก่อนหน้านี้ หวัง อี้ เคยกล่าวที่เวทีประชุมความมั่นคงมิวนิกว่าสงครามยูเครนต้องมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเข้าร่วมเจรจา แต่ที่ G20 ครั้งนี้ เขากลับไม่ได้เน้นย้ำประเด็นดังกล่าว นักวิเคราะห์มองว่า จีนกำลังเดินเกมทางการทูตอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นกับรัสเซีย
"จีนยินดีต่อความสัมพันธ์ที่ราบรื่นระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และการเปลี่ยนผ่านของวิกฤตยูเครนไปสู่การแก้ไขทางการเมือง แต่เราจะติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสิ่งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อทิศทางความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซีย" ชุย หงเจี้ยน หัวหน้าสถาบันวิจัยยุโรป แห่งมหาวิทยาลัยการต่างประเทศปักกิ่งกล่าว
สำหรับจีน การหนุนหลังทรัมป์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสงครามยูเครน แต่ยังเป็นการรักษาผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ในกรอบที่กว้างขึ้น หากจีนสามารถเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ย จะช่วยลดความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจใช้ความสัมพันธ์กับรัสเซียมากดดันจีนในประเด็นอื่นๆ เช่น การค้า เทคโนโลยี หรือไต้หวัน
ขณะที่จีนให้การสนับสนุนทรัมป์ พันธมิตรตะวันตกกลับเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม โดยเร่งประกาศสนับสนุนยูเครนและเซเลนสกี
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปหลายคนแสดงความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของวอชิงตัน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเอสโตเนีย กล่าวว่า "สหรัฐฯ ไม่ควรเปิดทางให้รัสเซียบิดเบือนกระบวนการสันติภาพ ยูเครนต้องมีส่วนร่วมในข้อตกลงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตนเอง"
การเปลี่ยนแปลงของทรัมป์ส่งผลให้ยุโรปต้องเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะลดบทบาทในการสนับสนุนยูเครน ทำให้ประเทศสมาชิก NATO อาจต้องพิจารณาเพิ่มงบประมาณทางทหารและหาทางรับประกันความมั่นคงในยุโรปด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่าการที่จีนพยายามรักษา "พื้นที่" ในการเจรจาสันติภาพ อาจเป็นเพราะจีนมองการณ์ไกลไปถึงการมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูยูเครนหลังสงคราม
"จีนอาจเบนความสนใจไปที่การเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการฟื้นฟูยูเครนและการรักษาสันติภาพ ซึ่งจะทำให้ปักกิ่งมีบทบาทมากขึ้นในโครงสร้างความมั่นคงของยุโรป" รูบี้ ออสมัน ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจาก Tony Blair Institute for Global Change กล่าว
การสนับสนุนของจีนมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ว่าจะจัดการเจรจากับรัสเซียเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงยุติสงครามยูเครน หลังจากที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียใช้เวลาหารือกันนานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่งในซาอุดีอาระเบีย
แม้รัสเซียจะมองว่าการหารือเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่เครมลินยังคงย้ำข้อเรียกร้องเดิม เช่น การไม่ยอมให้ยูเครนเข้าร่วม NATO ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่คาดว่าทรัมป์อาจพิจารณาเพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงกังขาว่าทรัมป์จะสามารถบรรลุข้อตกลงที่สร้างเสถียรภาพให้กับยุโรปได้จริงหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ การเจรจาทั้งหมดกำลังเดินหน้าโดยไม่มียูเครนเข้าร่วม ซึ่งอาจสร้างแรงต้านมหาศาลจากพันธมิตรตะวันตก