เปิดคลังแสง สหรัฐฯ-อังกฤษ-พันธมิตร ส่งอาวุธอะไรให้ยูเครน

19 ก.พ. 2568 | 08:00 น.

สหรัฐฯ อังกฤษ และชาติพันธมิตรได้ส่งยุทโธปกรณ์อะไรบ้าง เพื่อช่วยยูเครนต้านรัสเซีย ตั้งแต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศ รถถัง ไปจนถึงขีปนาวุธไฮเทค

ประเทศต่างๆ ในยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร ต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านการทหาร นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ชาติตะวันตกได้จัดสรร ความช่วยเหลือด้านการทหาร มนุษยธรรม และการเงินอื่นๆ มากกว่า250,000 ล้านดอลลาร์ (205 พันล้านปอนด์) ให้แก่ยูเครน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาต้องการให้ยูเครนรับประกันการจัดหาแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับการสนับสนุนเพิ่มเติม

ใครเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางการทหารมากที่สุด

สำนักข่าว BBC รายงานว่า สหรัฐฯ เป็นแหล่งความช่วยเหลือทางทหารที่ใหญ่ที่สุดแก่ยูเครน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ อุปกรณ์ และการสนับสนุนทางการเงิน

ระหว่างต้นปี 2565 จนถึงสิ้นปี 2567 ทางการได้มอบความช่วยเหลือด้านการทหารเป็นมูลค่า 69,000 ล้านดอลลาร์ (54,600 ล้านปอนด์) ตามข้อมูลของสถาบัน Kiel ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยด้านวิชาการของเยอรมนี

เยอรมนีบริจาคเงิน 13,600 ล้านเหรียญสหรัฐ สหราชอาณาจักรบริจาค 10,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เดนมาร์กบริจาค 8,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

หากรวมความช่วยเหลือทุกประเภท ทั้งด้านการทหาร ด้านมนุษยธรรม และด้านการเงินอื่นๆ ข้อมูลจะแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ได้ใช้เงินไปแล้วประมาณ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 43% ของเงินช่วยเหลือทั้งหมดให้กับยูเครนนับตั้งแต่ต้นปี 2565 

ประเทศสหภาพยุโรป (EU) ส่งไปประมาณ 18.3% สมาชิกสหภาพยุโรปบางราย เช่น เยอรมนี มีส่วนสนับสนุนเพิ่มเติม 6.5 % 

การใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ

เมื่อปีที่แล้ว สมาชิกนาโต้ของยุโรปทั้งหมดให้คำมั่นว่าจะใช้จ่าย 2% ของ GDP ในด้านการป้องกันประเทศ ตัวเลขชั่วคราวแสดงให้เห็นว่าสหราชอาณาจักรใช้จ่าย 2.33% ( 64.6 พันล้านปอนด์ ) ในปี 2567 ซึ่งอยู่อันดับที่ 9 จากสมาชิกนาโตทั้งหมดตามมาตรการนี้ รัฐบาลแรงงานมุ่งมั่นที่จะเพิ่มจำนวนนี้เป็น 2.5% 

หากสหราชอาณาจักรใช้จ่าย 2.5% ของ GDP สำหรับการป้องกันประเทศเมื่อปีที่แล้ว จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4.6 พันล้านปอนด์ ตามข้อมูลของห้องสมุดสภาสามัญ 

ประเทศตะวันตกให้อาวุธอะไรแก่ยูเครน

ขีปนาวุธและปืนใหญ่

กองกำลังทั้งยูเครนและรัสเซียต่างใช้ปืนใหญ่และขีปนาวุธนำวิถีเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังของศัตรูรุกคืบ และเพื่อโจมตีคลังเสบียงและศูนย์บัญชาการ

ยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐฯซึ่งมีพิสัยประมาณ 190 ไมล์ (300 กม.)

ในเดือนพฤศจิกายน อดีตประธานาธิบดีไบเดนได้ยกเลิกการห้ามดังกล่าว ทำให้สามารถยิง ATACMS เข้าไปในดินแดนรัสเซียได้

อังกฤษและฝรั่งเศส จัดส่งขีปนาวุธ Storm Shadow หรือ Scalp ให้กับยูเครน ซึ่งมีพิสัยการยิงสูงสุดประมาณ 155 ไมล์ (250 กม.) และมีรายงานว่ายูเครนได้ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียแล้ว

พันธมิตรของยูเครนยังส่งระบบจรวดหลายลำกล้องมากกว่า 80 ระบบไปยังยูเครนด้วยตามรายงานของสถาบัน Kiel

รวมถึงระบบ Himars จากสหรัฐ และระบบขีปนาวุธ M270 จากสหราชอาณาจักร

สถาบัน Kiel กล่าวว่า ยังมีการส่งปืนใหญ่ภาคสนามมากกว่า 500 กระบอก รวมถึงปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ M777 จากสหรัฐด้วย

อย่างไรก็ตาม รัสเซียมีข้อได้เปรียบในสนามรบ เนื่องจากมีการส่งกระสุนปืนใหญ่สำรองมากกว่ายูเครนมากตามข้อมูลของสถาบัน Royal United Services Institute (RUSI) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ

เครื่องบินขับไล่

เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครนกล่าวว่ากองทัพอากาศของยูเครนได้รับเครื่องบินรบ F-16 จากตะวันตก และยังต้องการเครื่องบินรบอีกจำนวนมาก

ประเทศสมาชิกนาโต รวมถึงเบลเยียม เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ต่างให้คำมั่นว่าจะมอบเครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ ให้กับยูเครนจำนวน 65 ลำหรือมากกว่า ซึ่งวางแผนที่จะปลดประจำการจากกองทัพอากาศ

เดือนสิงหาคม 2566 สหรัฐฯ อนุญาตให้ส่งเครื่องบิน F-16 ไปยังยูเครนได้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ประเทศตะวันตกก็ฝึกนักบินยูเครนให้บินเครื่องบินดังกล่าว

ระบบป้องกันภัยทางอากาศ

เพื่อรับมือกับการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธของรัสเซียต่อเมืองต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ชาติตะวันตกจึงได้ส่งระบบป้องกันทางอากาศหลายประเภทไปให้กับยูเครน มีตั้งแต่ระบบต่อต้านอากาศยานระยะสั้นของสหราชอาณาจักร อย่าง Starstreak ไปจนถึงระบบขีปนาวุธ Patriot

การใช้เครื่องบินแพทริออตมีค่าใช้จ่ายสูง โดยขีปนาวุธหนึ่งลูกมีราคาประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ

สหรัฐและนอร์เวย์ยังจัดหา Nasams (ระบบขีปนาวุธพื้นสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติ) เพื่อการป้องกันทางอากาศ และเยอรมนีก็ได้เสนอ Iris-T เช่นกัน

อาวุธยุทโธปกรณ์

เดือนกรกฎาคม 2566 สหรัฐฯ กล่าวว่าได้จัดส่งระเบิดคลัสเตอร์ให้กับยูเครนเพื่อช่วยขับไล่กองทหารรัสเซียออกจากตำแหน่งป้องกัน

อาวุธเหล่านี้ส่วนใหญ่บรรจุอยู่ในกระสุนปืนใหญ่และกระจัดกระจายไปกับระเบิดลูกอื่นๆและถูกห้ามใช้ในกว่า 100 ประเทศเนื่องจากมีความเสี่ยงต่อพลเรือน

รถถัง

ช่วงต้นปี 2566  ประเทศตะวันตกตกลงที่จะส่งรถถังไปยังยูเครน โดยหวังว่ารถถังเหล่านี้จะช่วยให้กองกำลังของยูเครนสามารถเจาะแนวป้องกันของรัสเซียเพื่อตอบโต้ได้

สหราชอาณาจักรจัดหา Challenger 2 จำนวน 14 คัน ประเทศต่างๆ ในยุโรปได้ส่งรถถัง Leopard 1 และ Leopard 2 ที่ผลิตในเยอรมนีไปแล้วกว่า 200 คัน ตามตัวเลขจากสถาบัน Kiel

สหรัฐฯ ส่งรถถัง M1 Abrams จำนวน 31 คัน ซึ่งถือว่าเป็นรถถังที่มีความก้าวหน้าที่สุดในโลก

อาวุธต่อต้านรถถัง

ประเทศตะวันตกตอบโต้การรุกรานของรัสเซียเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2565  ด้วยการจัดหาอาวุธป้องกันให้กับยูเครนเพื่อต่อต้านกองพลยานเกราะของศัตรู

สหรัฐอและสหราชอาณาจักรจัดหาขีปนาวุธต่อต้านรถถัง Javelin และ Nlaw หลายพันลูก ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการหยุดยั้งการรุกคืบของกองกำลังรัสเซียในเคียฟ

โดรน

โดรนถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายตลอดช่วงสงครามเพื่อเฝ้าระวัง กำหนดเป้าหมาย ยิงขีปนาวุธ และเป็นอาวุธพลีชีพ

ตุรกีจัดหาโดรน Bayraktar TB2 แบบยิงขีปนาวุธให้ในช่วงเริ่มต้นความขัดแย้ง สหรัฐฯ ได้จัดหาโดรนโจมตีพลีชีพแบบ Switchblade และหลายประเทศได้ส่งโดรนตรวจการณ์เชิงพาณิชย์ เช่น DJI Mavic 3 ที่ผลิตในจีน 

ข้อมูล 

  • BBC