อีลอน มัสก์ กับภารกิจ DOGE ในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ปฏิรูปหรือเปลี่ยนทิศทางระบบรัฐ

18 ก.พ. 2568 | 18:00 น.

"อีลอน มัสก์" กับบทบาทใหม่ในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ DOGE หน่วยงานปฏิรูปราชการ ที่อาจเปลี่ยนโฉมระบบการบริหารของสหรัฐฯ

หากพูดถึงมหาเศรษฐีที่มีกระแสในสังคมออนไลน์อยู่อย่างสม่ำเสมอ "อีลอน มัสก์" คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง และล่าสุดมัสก์ก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่อีกครั้งในรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 ในฐานะ "ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี" พร้อมกับบทบาทสำคัญในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แม้ว่าชื่อโครงการจะดูเป็นทางการคล้ายกับหน่วยงานรัฐบาล แต่ในความเป็นจริง DOGE ไม่ใช่กระทรวงที่ได้รับการรับรองจากสภาคองเกรส และมัสก์เองก็ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในองค์กรนี้ ทำเนียบขาวระบุว่าเขาเป็นเพียง "ที่ปรึกษาอาวุโส" เท่านั้น ทว่าความเคลื่อนไหวของเขากลับสร้างผลกระทบที่ใหญ่โต และเป็นที่จับตามองจากทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน

 

แผนปฏิรูปหรือเครื่องมือรื้อระบบรัฐบาล?

ตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่งในโครงการนี้ มัสก์และทีมงานของเขาได้มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบหน่วยงานรัฐบาลต่างๆ เพื่อค้นหาจุดที่สามารถลดงบประมาณ ลดขนาดองค์กร และปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในข้อเสนอที่เป็นที่ถกเถียงมากที่สุดคือการปิดองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งมัสก์มองว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็น

การเคลื่อนไหวนี้สร้างความกังวลอย่างมากในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐบาลและนักการเมืองที่มองว่า USAID มีบทบาทสำคัญในด้านการช่วยเหลือระหว่างประเทศและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต หากถูกยุบไปจริงๆ อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในเวทีโลก

เมื่อ SEC ตกเป็นเป้าหมายของ DOGE

อีกหน่วยงานที่ตกเป็นเป้าหมายของ DOGE คือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ซึ่งเป็นองค์กรที่มัสก์มีความขัดแย้งด้วยมานานหลายปี อดีตซีอีโอ Tesla เคยมีปัญหากับ SEC หลายครั้งเกี่ยวกับการโพสต์ข้อมูลที่ส่งผลต่อราคาหุ้น รวมถึงการถูกปรับเงินในกรณีทวีตเกี่ยวกับแผนถอนหุ้น Tesla ออกจากตลาด

DOGE ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบการทำงานของ SEC ภายใต้ข้ออ้างเรื่อง "การใช้อำนาจเกินขอบเขต" และอาจมีแผนลดอำนาจขององค์กรนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบรรดาธุรกิจเอกชนและตลาดคริปโตเคอร์เรนซี

มาตรการที่ DOGE ดำเนินการจนถึงตอนนี้ ได้แก่...

  • ตรวจสอบการใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐบาล ทรัมป์กล่าวหาว่าพบ "การฉ้อโกง" แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
  • ตัดงบประมาณโครงการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) มัสก์อ้างว่าสามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
  • ลดบทบาทของ USAID องค์กรช่วยเหลือด้านการต่างประเทศที่ทรัมป์มองว่าเป็น "การใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น"
  • เลิกจ้างข้าราชการ 2 ล้านตำแหน่ง มุ่งเน้นไปที่พนักงานทดลองงาน และบางส่วนของข้าราชการประจำ
  • เสนอปิดสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคทางการเงิน (CFPB) หน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นหลังวิกฤติการเงินปี 2008

แรงต้านและข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

แน่นอนว่าการดำเนินงานของ DOGE ไม่ได้ราบรื่น มีการฟ้องร้องจากหลายฝ่ายที่ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความชอบธรรมของโครงการนี้ โดยเฉพาะข้อกังวลว่ามัสก์กำลังใช้ตำแหน่งในรัฐบาลเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งในธุรกิจของเขาเองและอุตสาหกรรมที่เขาให้การสนับสนุน

นักวิจารณ์บางคนมองว่า DOGE เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้มัสก์สามารถรื้อระบบหน่วยงานที่เขาไม่ชอบ หรือมีความขัดแย้งส่วนตัวด้วย ในขณะที่ผู้สนับสนุนของทรัมป์หลายคนเชื่อว่าโครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการกำจัดระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ

 

อนาคตมัสก์จะนำ DOGE ไปทางไหน?

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่มัสก์ยังคงเดินหน้าผลักดัน DOGE ต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการตัดลดงบประมาณและการปรับปรุงระบบราชการ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของโครงการนี้ในระยะยาวยังคงเป็นคำถามที่ต้องติดตามต่อไป

หาก DOGE ประสบความสำเร็จ เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่หากล้มเหลว ผลกระทบอาจรุนแรงจนกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกจารึกว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0