เกมพลังงานทรัมป์ ปั้นศูนย์กลางก๊าซเอเชีย ลดพึ่งพารัสเซีย-ตะวันออกกลาง

21 ก.พ. 2568 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2568 | 11:37 น.

ทรัมป์เดินเกมพลังงาน ดันญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซสหรัฐฯ ตั้งเป้าลดพึ่งพารัสเซีย-ตะวันออกกลาง พร้อมผลักดันโครงการอลาสกา LNG แม้เผชิญต้นทุนมหาศาล

การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้เผยให้เห็นถึงกลยุทธ์ใหม่ของสหรัฐฯ ในการใช้พลังงานเป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์เศรษฐกิจกับเอเชีย โดยเฉพาะการผลักดันให้ญี่ปุ่นนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ มากขึ้น

เป้าหมายหลักของทรัมป์คือ การทำให้ญี่ปุ่นและพันธมิตรในเอเชียลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียและตะวันออกกลาง โดยมีโครงการก๊าซอลาสกา (Alaska LNG) มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหัวใจสำคัญของแผนนี้

แม้ญี่ปุ่นจะแสดงท่าทีสนใจต่อโครงการอลาสกา LNG แต่ก็ยังคงสงวนท่าที เนื่องจากต้นทุนและอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ของโครงการ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่าญี่ปุ่นพยายามแสดงการสนับสนุนเชิงสัญลักษณ์เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และหวังลดแรงกดดันด้านภาษีการค้า

ในงานแถลงข่าวหลังการประชุม ทรัมป์กล่าวถึงโครงการนี้หลายครั้ง แต่ทางญี่ปุ่นกลับไม่ได้กล่าวถึงเลย และไม่มีการบรรจุไว้ในแถลงการณ์ร่วม

มัดพันธมิตรเอเชียด้วย LNG

แผนการของทรัมป์ไม่ได้จำกัดแค่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอินเดีย ซึ่งต่างก็กำลังพิจารณาเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ

ในถ้อยแถลงร่วมกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ระบุว่าพร้อมจะ "ปลดล็อก" ศักยภาพพลังงานของสหรัฐฯ ที่ "เชื่อถือได้และมีราคาย่อมเยา" โดยเน้นไปที่ LNG แม้ว่าจะไม่มีการพูดถึงโครงการอลาสกาโดยตรง

 

ทำไมสหรัฐฯ ดัน LNG อลาสกา?

โครงการอลาสกา LNG เป็นแผนการสร้างท่อส่งก๊าซยาว 800 ไมล์จากแหล่งก๊าซในอลาสกาตอนเหนือไปยังท่าเรือส่งออกทางฝั่งแปซิฟิก แม้แนวคิดนี้จะมีมานานแล้ว แต่ต้นทุนสูงและสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบากทำให้โครงการหยุดชะงัก

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ พยายามขายแนวคิดว่า LNG จากอลาสกาจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการนำเข้าจากตะวันออกกลาง เนื่องจากไม่ต้องผ่านเส้นทางเดินเรือที่มีความเสี่ยง เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ ช่องแคบมะละกา และทะเลจีนใต้

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นนำเข้า LNG ประมาณ 10% จากสหรัฐฯ และสัดส่วนเดียวกันจากรัสเซียและตะวันออกกลาง ส่วนออสเตรเลียยังคงเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดที่ครองส่วนแบ่ง 40% ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า หากญี่ปุ่นขยายสัญญานำเข้า LNG จากสหรัฐฯ สัดส่วนอาจเพิ่มขึ้นถึง 20% ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อสัญญานำเข้าก๊าซจากรัสเซียหมดอายุลง

แผนของทรัมป์ไม่ได้มีแค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่ยังโยงไปถึงภูมิรัฐศาสตร์ โดยใช้พลังงานเป็นเครื่องมือสร้าง "พันธมิตรพลังงาน"

ไต้หวันกำลังพิจารณานำเข้า LNG จากอลาสกา ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกจีนปิดล้อมทางทะเล ขณะที่อินเดียก็แสดงท่าทีสนใจในแนวทางเดียวกัน

เกาหลีใต้เองก็กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการพลังงานของสหรัฐฯ โดยหวังว่าจะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าเป็นการตอบแทน

แม้ว่าทรัมป์จะพยายามผลักดันโครงการอลาสกา LNG อย่างหนัก แต่ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจยังคงเป็นคำถามใหญ่ ขณะนี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีท่าเรือส่งออก LNG ฝั่งตะวันตกของประเทศ ทำให้ต้องพึ่งเส้นทางอ้อมผ่านคลองปานามาหรือรอบแอฟริกา ซึ่งเพิ่มต้นทุนการขนส่ง แม้จะมีโครงการ Costa Azul ในเม็กซิโกที่สามารถรับก๊าซจากสหรัฐฯ ได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทดแทนท่าเรือฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ที่ขาดหายไป

 

"ศูนย์กลางพลังงาน" หรือ "ศูนย์กลางความเสี่ยง"?

บิล แฮกเกอร์ตี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น มองว่าหากแผนของทรัมป์ประสบความสำเร็จ ญี่ปุ่นอาจกลายเป็น "ศูนย์กลางพลังงานของเอเชีย" ที่จะกระจาย LNG จากสหรัฐฯ ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการเพิ่มการพึ่งพาพลังงานจากสหรัฐฯ อาจทำให้ญี่ปุ่นและพันธมิตรต้องรับความเสี่ยงใหม่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานของสหรัฐฯ ในอนาคต

แม้โครงการอลาสกา LNG จะเผชิญอุปสรรคมากมาย แต่การที่ญี่ปุ่นและพันธมิตรในเอเชียเริ่มขยับตัว อาจเป็นสัญญาณว่าพลังงานจากสหรัฐฯ กำลังมีบทบาทสำคัญในสมการพลังงานโลก