รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังดำเนินการ ปรับลดขนาดภาครัฐ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผ่านหน่วยงานที่ปรึกษาใหม่ที่ชื่อว่า DOGE (Department of Government Efficiency) ซึ่งมี อีลอน มัสก์ เป็นผู้นำ ความเคลื่อนไหวนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อรัฐบาลเริ่มออกคำสั่ง ปลดเจ้าหน้าที่รัฐหลายพันคน ท่ามกลางเสียงสนับสนุนและคัดค้านจากหลายฝ่าย
แม้ DOGE จะถูกเรียกว่า "กระทรวง" แต่ในความเป็นจริงแล้วหน่วยงานนี้ไม่ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการจากสภาคองเกรส ทว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ เพื่อทำหน้าที่ลดงบประมาณและปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลกลาง มัสก์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็น "ลูกจ้างพิเศษของรัฐบาลที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน" มีบทบาทสำคัญในแผนปรับโครงสร้างของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจำนวนข้าราชการและงบประมาณที่ถูกมองว่าเป็นภาระต่อประเทศ
การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในทำเนียบขาวรอบนี้ไม่ได้มาแบบธรรมดา เพราะนอกจากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" แล้ว ยังมี DOGE (Department of Government Efficiency) หน่วยงานที่ปรึกษาพิเศษที่ตั้งขึ้นโดยตรงภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ และมีบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดอย่าง อีลอน มัสก์ เป็นผู้ดูแล
แม้จะใช้คำว่า "กระทรวง" แต่ DOGE ไม่ใช่กระทรวงอย่างเป็นทางการของรัฐบาล เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส อย่างไรก็ตาม หน่วยงานนี้ได้รับภารกิจสำคัญในการ ลดขนาดรัฐบาลกลาง ตัดงบประมาณที่ถูกมองว่าสิ้นเปลือง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานรัฐ
อีลอน มัสก์ไม่ใช่แค่ที่ปรึกษาธรรมดา แต่ได้รับสถานะ "ลูกจ้างพิเศษของรัฐบาลที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน" และเริ่มดำเนินการทันที ด้วยแผนตัดลดข้าราชการหลายแสนคน และตัดงบประมาณที่ถูกมองว่าสิ้นเปลือง
มาตรการที่ DOGE ดำเนินการจนถึงตอนนี้ ได้แก่...
การดำเนินการของ DOGE เป็นไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ คำสั่งปลดพนักงานเริ่มส่งถึงเจ้าหน้าที่ในหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในช่วงทดลองงาน ซึ่งได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายน้อยกว่า หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก สำนักงานบริการป่าไม้ กระทรวงการศึกษา และสำนักงานธุรกิจขนาดย่อม ขณะที่ สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกก็ได้รับคำสั่งให้ลดจำนวนพนักงานลงด้วย
มัสก์และทีมยืนยันว่า การปลดพนักงานจำนวนมากเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดภาระงบประมาณ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งแตะ 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการขาดดุลงบประมาณกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา การตัดลดขนาดรัฐบาลจึงถูกนำเสนอเป็นแนวทางแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จำนวนมากตั้งคำถามถึงผลกระทบที่อาจตามมา รวมถึงความโปร่งใสในการดำเนินงานของ DOGE
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า DOGE เป็นหน่วยงานที่ช่วย "ตัดไขมันส่วนเกิน" ของระบบราชการ มัสก์เองก็เป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมจากชาวอเมริกันบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สนับสนุนทรัมป์ที่ต้องการเห็นการลดขนาดรัฐบาล ทว่าฝ่ายต่อต้านกลับตั้งข้อกังขาว่า มัสก์กำลังมีอำนาจมากเกินไปหรือไม่ โดยไม่มีการตรวจสอบจากสภาคองเกรส นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การให้มหาเศรษฐีที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจจำนวนมากเข้ามาควบคุมกระบวนการของรัฐ อาจนำไปสู่ผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างร้ายแรง
ความขัดแย้งนี้ได้ลุกลามไปสู่ข้อพิพาททางกฎหมาย เมื่อ 14 รัฐในสหรัฐฯ ได้รวมตัวกันยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ โดยอ้างว่า DOGE เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นอย่างผิดกฎหมาย และให้อำนาจแก่มัสก์มากเกินไปโดยไม่มีการควบคุมตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ออกมาปกป้อง DOGE โดยระบุว่า นี่คือส่วนหนึ่งของ "การปฏิรูปรัฐบาล"ที่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้เกิดขึ้น
ในขณะที่ศาลและสภาคองเกรสกำลังจับตามองการดำเนินงานของ DOGE คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบคือ การปรับลดขนาดรัฐบาลครั้งใหญ่นี้จะนำไปสู่การบริหารที่มีประสิทธิภาพขึ้นจริง หรือเป็นเพียงความพยายามกระชับอำนาจของกลุ่มคนไม่กี่คนในทำเนียบขาว?