Oreshnik ขีปนาวุธทดลองของรัสเซีย จุดชนวนสงครามตึงเครียด

22 พ.ย. 2567 | 11:02 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2567 | 11:03 น.

Oreshnik ขีปนาวุธทดลองของรัสเซีย อาจจุดชนวนสงครามตึงเครียด โดยเป็นการตอบโต้หลังสหรัฐอนุญาตให้ยูเครนยิงขีปนาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐเข้าไปในรัสเซีย

เช้าตรู่ของวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา รายงานข่าวจากกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า หัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซียหลายลูกพุ่งทะลุเมฆเหนือเมืองดนิโปรทางตะวันออกของยูเครน กระสุนที่ไม่ใช่นิวเคลียร์พุ่งเข้าใส่พื้นที่อุตสาหกรรม ศูนย์ฟื้นฟูทางการแพทย์ บ้านเรือน และโรงจอดรถ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ข้อมูลบ่งชี้ว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยไกล ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า คุณลักษณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความสูงของ ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ICBM

ภาพแสดงสถานที่โจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในเมืองดนิโปร

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ ขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ICBM ที่มีความสามารถในการเดินทางได้มากกว่า 3,400 ไมล์ด้วยน้ำหนักบรรทุกพลังงานนิวเคลียร์

ขีปนาวุธที่โจมตีเมืองดนิโปร ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตจรวดของยูเครน มีรายงานว่าถูกยิงมาจากสนามทดสอบขีปนาวุธของรัสเซียที่คาปุสตินยาร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองดนิโปรไป 500 ไมล์ 

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้แบบทดลองใส่ฐานทัพแห่งหนึ่งในเมืองดนิโปรของยูเครน เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ที่ไม่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่า

ขีปนาวุธชนิดใหม่นี้มีชื่อว่า Oreshnik โอเรชนิก เป็นการตอบสนองต่อแผนของสหรัฐฯ ในการผลิตและติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยใกล้

รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธพิสัยไกลหลายร้อยลูก ซึ่งหลายลูกในจำนวนนั้นสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ โดยโจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครนในช่วง 33 เดือนนับตั้งแต่ที่รัสเซียขยายขอบเขตสงครามกับยูเครนออกไป 

หลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียในเมืองดนิโปร

การโจมตี Oreshnik ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ขีปนาวุธที่มีหัวรบหลายหัว มีน้ำหนักมากนั้นน่ากลัว เมื่อพิจารณาถึงความเกี่ยวข้องกับสงครามนิวเคลียร์ การใช้ระบบส่งอาวุธแบบใหม่นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นสัญญาณของการเพิ่มระดับความรุนแรง The Economist อธิบาย

ปูตินดูเหมือนจะคุกคามสหรัฐและสหราชอาณาจักรโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้สหรัฐอนุญาตให้ยูเครนยิง ขีปนาวุธ Atacms และ ขีปนาวุธ Storm Shadow ที่ผลิตในตะวันตกไปที่รัสเซีย

ปูติน กล่าวว่า รัสเซียมีสิทธิ์ที่จะโจมตีประเทศตะวันตกที่จัดหาอาวุธให้กับยูเครนเพื่อใช้โจมตีเป้าหมายของรัสเซีย เขากล่าวระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ และเสริมว่า

รัสเซียจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดและเท่าเทียมกันในกรณีที่เกิดการยกระดับความรุนแรง

ประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน รำลึกถึงเหยื่อของการปฏิวัติศักดิ์ศรีในกรุงเคียฟ

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องให้นานาชาติตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย โดย ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในขอบเขตและความโหดร้ายของสงคราม โดยในแถลงการณ์หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของปูติน เซเลนสกี กล่าวว่า

การโจมตีครั้งนี้เป็น อีกหนึ่งหลักฐานที่พิสูจน์ว่ารัสเซียไม่ได้สนใจสันติภาพ พร้อมเสริมว่าจำเป็นต้องมีการตอบโต้ จำเป็นต้องมีแรงกดดัน รัสเซียต้องถูกบังคับให้เข้าสู่สันติภาพที่แท้จริง

โฆษกของเลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส กล่าวว่า การที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่เป็นอีกหนึ่งพัฒนาการที่น่ากังวลและน่าเป็นห่วง โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายลดระดับความขัดแย้งลง และปกป้องพลเรือน ไม่ใช่โจมตีเป้าหมายพลเรือนหรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของพลเรือน

อย่างไรก็ตาม การโจมตีของรัสเซียต่อยูเครนนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า รัสเซียแจ้งสหรัฐให้ทราบล่วงหน้าก่อนการโจมตีเมืองดนิโปรไม่นาน โดยสนธิสัญญากำหนดให้รัสเซียต้องแจ้งสหรัฐเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลบางประเภท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ ซึ่งรัสเซียยืนยันว่า ได้แจ้งสหรัฐล่วงหน้า 30 นาที ก่อนการโจมตีผ่านศูนย์ลดภัยคุกคามนิวเคลียร์ของสหรัฐ

สถานีวิทยุกระจายเสียงสาธารณะ Suspilne รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐสภายูเครนเลื่อนการประชุมสภาที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ออกไปเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย โดยระบุว่า คำสั่งดังกล่าวให้สมาชิกรัฐสภา ห้ามไม่ให้ครอบครัวเข้าไปในเขตราชการของกรุงเคียฟ และอ้างคำพูดของสมาชิกรัฐสภาว่าขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการประชุมสภาครั้งต่อไปจนกว่าจะถึงเดือนธันวาคม

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวว่า การตัดสินใจของ โจ ไบเดนที่จะยกเลิกข้อจำกัดในการที่ยูเครนยิงขีปนาวุธพิสัยไกลที่ผลิตโดยสหรัฐเข้าไปในดินแดนของรัสเซียนั้น เป็นการตอบสนองต่อการมีส่วนร่วมของ "เกาหลีเหนือ" ในสงครามครั้งนี้

นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐยังมีความจำเป็นเร่งด่วนมากขึ้นหลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งทรัมป์มีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับการสนับสนุนของสหรัฐที่มีต่อยูเครน