สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กองทัพอากาศยูเครน รายงานว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) จากแคว้นอัสตราคัน ทางตอนใต้ของรัสเซีย ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี (21 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลทรงพลังในช่วงสงคราม
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐฯ และอังกฤษโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซียในสัปดาห์นี้ ซึ่งรัสเซียได้เตือนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้วว่าการโจมตีดังกล่าวอาจเป็นการทวีความรุนแรงมากขึ้น
กองทัพอากาศ รายงานว่า การโจมตีของรัสเซียมีเป้าหมายที่วิสาหกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเมืองดนีปรอ ทางภาคกลาง-ตะวันออกของยูเครน ในช่วงเวลาที่สงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครน ซึ่งดำเนินมาแล้ว 33 เดือน กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
จากแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ชัดเจน ว่า ขีปนาวุธข้ามทวีปมุ่งเป้าไปที่อะไรและก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขีปนาวุธเหล่านี้มีพิสัยการโจมตีหลายพันกิโลเมตร และสามารถนำไปใช้ยิงหัวรบนิวเคลียร์ได้ แม้ว่าจะสามารถติดหัวรบธรรมดาได้ก็ตาม
ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ยิงขีปนาวุธร่อน Kh-101 ตกจำนวน 6 ลูก ระหว่างการโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขีปนาวุธข้ามทวีปถูกยิงจากแคว้นอัสตราคันของรัสเซีย กองทัพอากาศกล่าว พร้อมทั้งให้รายละเอียดประเภทของอาวุธที่ใช้ในการโจมตี
อาวุธพิสัยไกลที่ยิงขึ้นสู่อวกาศ จากนั้นปล่อยหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบนิวเคลียร์หลายลูกกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเพื่อทิ้งลงบนเป้าหมาย
ICBM ถือว่า มีพิสัยการยิงขั้นต่ำ 5,500 กิโลเมตร (3,400 ไมล์) แต่บางรุ่นสามารถยิงได้ไกลกว่านั้นมาก โดยสามารถยิงได้มากกว่า 9,000 กิโลเมตร ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ICBM สามารถยิงได้จากไซโลหรือยานปล่อยเคลื่อนที่ และใช้เชื้อเพลิงแข็งหรือของเหลวเป็นเชื้อเพลิงได้
ICBM ที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งถือว่าอันตรายกว่าเพราะสามารถเคลื่อนย้ายและยิงได้เร็วกว่า ICBM ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว
จรวด ICBM ลำแรกถูกยิงขึ้นในปี 1957 โดยสหภาพโซเวียตในขณะนั้น และตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาในปี 1959