ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อาวุธต้องห้ามสู่สงครามยูเครน

21 พ.ย. 2567 | 11:25 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2567 | 11:25 น.

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สหรัฐฯ อนุมัติส่งมอบ "ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล" อาวุธต้องห้ามที่ถูกประณามจากทั่วโลกลงสู่สมรภูมิ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติการส่ง ทุ่นระเบิดต่อสังหารบุคคล Anti-personnel mines ไปยังยูเครน เพื่อต้องการเพิ่มการสนับสนุนยูเครนในช่วงวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง โดยเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ อนุญาตให้กองกำลังยูเครนยิงเป้าหมายในพื้นที่ลึกภายในอาณาเขตรัสเซียด้วยอาวุธที่ผลิตในสหรัฐฯ เช่น ขีปนาวุธ ATACMS

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ขณะนี้วอชิงตันได้อนุมัติให้มีการจัดหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นที่ถกเถียงกันเนื่องจากมีการถูกห้ามโดยประเทศต่างๆ มากกว่า 150 ประเทศ 

ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลคืออะไร

ทุ่นระเบิด คือ วัตถุระเบิดที่ซ่อนไว้บนพื้นดินและได้รับการออกแบบให้ระเบิดเมื่อกองกำลังของศัตรูผ่านมาหรือเข้าใกล้

บางส่วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายยานเกราะ (ทุ่นระเบิดต่อต้านรถถัง) ในขณะที่บางส่วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำร้ายทหารศัตรู (ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล)

สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ มากมาย เช่น การปกป้องสิ่งอำนวยความสะดวก เตรียมการซุ่มโจมตี บังคับให้กองกำลังศัตรูเดินทางตามเส้นทางแคบๆ ที่สามารถรวมกำลังการยิงได้ และคุ้มกันการล่าถอย

ทุ่นระเบิดบางชนิดมีระยะเวลาจำกัด จึงไม่สามารถทำงานได้หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง แต่ทุ่นระเบิดบางชนิดอาจยังคงเป็นอันตรายได้นานหลายสิบปีหลังจากถูกวางไว้แล้ว

ทำไมถึงเกิดข้อขัดแย้งกัน

ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ทั้งทหารและพลเรือนได้รับบาดเจ็บ ทุ่นระเบิดมักถูกออกแบบมาเพื่อทำร้ายร่างกายมากกว่าที่จะสังหาร เพื่อทำลายทรัพยากรด้านโลจิสติกส์และการแพทย์ของศัตรู

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทิ้งมรดกแห่งความตาย การบาดเจ็บ และความทุกข์ทรมานที่คงอยู่ยาวนาน

รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า การปนเปื้อนของทุ่นระเบิดทำให้ไม่สามารถใช้พื้นที่ดินจำนวนมากได้ ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารและทำลายแหล่งทำกิน ผลกระทบของทุ่นระเบิดสังหารบุคคลต่อชุมชนมักกินเวลานานเป็นทศวรรษ

ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งรายงานว่าได้รับการจัดสรรโดยสหรัฐฯ นั้นไม่คงอยู่ถาวรและจะหยุดทำงานหลังจากผ่านระยะเวลาที่กำหนดไว้ เเละก็ก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้าในขณะที่ถูกเปิดใช้งาน

ในปี 2022 ทุ่นระเบิดคร่าชีวิตผู้คนไป 1,661 ราย และทำให้ได้รับบาดเจ็บ 3,015 รายตามข้อมูลของ Landmine Monitor 2023 พลเรือนคิดเป็นร้อยละ 85 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก ซีเรียมีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือยูเครน เยเมน และเมียนมาร์

ใครบ้างที่ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

ทุ่นระเบิดถูกใช้มาตั้งแต่สงครามกลางเมืองอเมริกาและถูกใช้มากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และกองทัพสหรัฐฯ ก็ใช้ทุ่นระเบิดนี้เป็นประจำในช่วงสงครามเกาหลีและเวียดนาม ตามบันทึกของรัฐบาล กองทัพสหรัฐฯ ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างแพร่หลายครั้งสุดท้ายในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991

การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลครั้งสุดท้ายโดยกองกำลังสหรัฐฯ มีรายงานเกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานได้ใช้ระเบิดมือเพียงลูกเดียวที่ทำจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ 

ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ถูกกฎหมายหรือไม่ 

ประเทศต่างๆ มากกว่า 150 ประเทศ รวมทั้งสหราชอาณาจักร ได้ให้คำมั่นที่จะห้ามการใช้ การผลิต การกักตุน และการเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิดดังกล่าวผ่าน อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล ปี 1997 หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สนธิสัญญาออตตาวา

ที่น่าสังเกตคือ มหาอำนาจบางแห่ง เช่น สหรัฐ รัสเซีย และจีน ไม่ได้ลงนามสนธิสัญญาดังกล่าว ขณะที่ ยูเครนเป็นผู้ลงนาม แต่ได้ระบุว่า อาจถอนตัวจากสนธิสัญญาหากมีความจำเป็นทางทหาร

ทุ่นระเบิดเคยถูกใช้ในยูเครนมาก่อนหรือไม่

สหรัฐฯ จัดหาทุ่นระเบิดต่อต้านรถถังให้กับยูเครนตลอดช่วงสงคราม แต่การเพิ่มทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลถือเป็นการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ กองกำลังของประธานาธิบดีปูติน ได้ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างน้อย 13 ประเภท ตามรายงานของ Associated Press

รัสเซียไม่เคยลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยทุ่นระเบิดสังหารบุคคลปี 1997 แต่การใช้ทุ่นระเบิดดังกล่าวถือเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

รายงานในปี 2023 ของกลุ่มรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อห้ามใช้ทุ่นระเบิด ยังระบุด้วยว่า กองกำลังยูเครนอาจใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งฝ่าฝืนอนุสัญญาในและรอบๆ เมืองอิเซียมของยูเครน ในปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย

อ้างอิงข้อมูล