เลือกตั้งสหรัฐ "Popular vs Electoral" ชนะโหวตแบบไหนใหญ่กว่ากัน

27 ก.ย. 2567 | 11:40 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2567 | 14:13 น.
504

ทำความรู้จัก ระบบคะแนนเสียง Popular Vote กับ Electoral College ในการเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ชนะโหวตแบบไหนใหญ่กว่า เพื่อชี้ขาดผู้นำมหาอำนาจโลก

การเลือกตั้งสหรัฐ 2024 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.67 ตามเวลาประเทศไทย กำลังเป็นที่จับตามองจากทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก แต่สิ่งที่ทำให้การเลือกตั้งของสหรัฐฯ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ ระบบการเลือกตั้งที่แตกต่างจากหลายประเทศ ระบบนี้คือการใช้ทั้ง Popular Vote (คะแนนเสียงประชาชน) และ Electoral College (คณะผู้เลือกตั้ง) ในการตัดสินผู้ชนะ

 

1. Popular Vote (คะแนนเสียงประชาชน)

Popular Vote หรือ คะแนนเสียงประชาชน คือการลงคะแนนของประชาชนทั่วไปที่ออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในทุก ๆ สี่ปี ระบบนี้เป็นตัวแทนความคิดเห็นของประชาชนว่าต้องการให้ใครเป็นผู้นำประเทศ ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในสหรัฐฯ จะลงคะแนนเสียงโดยตรงให้กับผู้สมัครที่ตนสนับสนุน โดยผลการนับคะแนนจากทุกคนทั่วประเทศจะถูกรวมเป็นคะแนนเสียง Popular Vote

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ระบบนี้แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ก็คือ Popular Vote ไม่ได้เป็นตัวตัดสินผู้ชนะการเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าผู้สมัครบางคนจะได้รับคะแนนเสียงประชาชนมากกว่าคู่แข่ง แต่ก็อาจไม่ใช่ผู้ที่ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี นี่เป็นเพราะระบบการเลือกตั้งที่ใช้ Electoral Colleg

2. Electoral College (คณะผู้เลือกตั้ง)

Electoral College คือกลไกที่แท้จริงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดยแต่ละรัฐในสหรัฐฯ จะมีผู้แทนในคณะผู้เลือกตั้งตามสัดส่วนประชากร รัฐที่มีประชากรมากก็จะมีผู้แทนมาก และรัฐที่มีประชากรน้อยก็จะมีผู้แทนน้อย โดยรวมแล้วมีผู้แทนทั้งหมด 538 คน และผู้สมัครที่ได้รับคะแนนจาก Electoral College เกิน 270 คะแนน จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี

ระบบนี้ยังคงใช้งานมาตั้งแต่การก่อตั้งประเทศ และช่วยรักษาความสมดุลระหว่างรัฐต่าง ๆ โดยรัฐส่วนใหญ่ใช้ระบบ "ผู้ชนะได้หมด" หมายความว่าผู้สมัครที่ได้คะแนน Popular Vote มากที่สุดในรัฐจะได้รับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งทั้งหมดของรัฐนั้น

เลือกตั้งสหรัฐ \"Popular vs Electoral\" ชนะโหวตแบบไหนใหญ่กว่ากัน

ความแตกต่างหลักระหว่าง Popular Vote และ Electoral College

ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง Popular Vote และ Electoral College คือ ผู้ที่ชนะ Popular Vote ไม่จำเป็นต้องชนะการเลือกตั้ง ตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งปี 2016 ฮิลลารี คลินตัน ได้รับคะแนน Popular Vote มากกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ทรัมป์ได้รับคะแนน Electoral College มากกว่า ทำให้ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี สาเหตุนี้เกิดจากความสำคัญของคะแนนเสียงจากผู้แทนของแต่ละรัฐมากกว่าการนับคะแนนเสียงทั่วประเทศเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างการทำงานของระบบนี้ ระบบ Electoral College ทำให้รัฐมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยรัฐที่เรียกว่า "Swing States" หรือรัฐที่ผลการเลือกตั้งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น ฟลอริดา และ เพนซิลเวเนีย มักเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐเหล่านี้ไม่มีการแน่นอนว่าผู้สมัครจากพรรคใดจะชนะ

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือในการเลือกตั้งปี 2000 เมื่ออัล กอร์ได้คะแนน Popular Vote มากกว่า จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แต่บุชชนะเพราะได้รับคะแนนจาก Electoral College มากกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากการชนะในรัฐสำคัญๆ

เลือกตั้งสหรัฐ \"Popular vs Electoral\" ชนะโหวตแบบไหนใหญ่กว่ากัน

ระบบ Electoral College ถูกออกแบบขึ้นเพื่อรักษาสมดุลระหว่างรัฐขนาดใหญ่และรัฐขนาดเล็ก หากใช้เฉพาะ Popular Vote รัฐที่มีประชากรมากเช่นแคลิฟอร์เนียและ นิวยอร์กจะมีอิทธิพลสูงมาก และทำให้รัฐขนาดเล็กไม่สามารถมีส่วนร่วมที่สำคัญในผลการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังคงเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมากในสหรัฐฯ ว่าควรยกเลิกหรือปรับปรุงให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2567 ที่กำลังจะมาถึง ระบบ Electoral College ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินผลของการเลือกตั้ง ผู้ที่ต้องการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงไม่เพียงแค่ต้องชนะใจประชาชนเท่านั้น แต่ยังต้องชนะในรัฐที่สำคัญทางการเมืองอีกด้วย

เลือกตั้งสหรัฐ \"Popular vs Electoral\" ชนะโหวตแบบไหนใหญ่กว่ากัน

การเลือกตั้งของสหรัฐฯ เป็นระบบที่มีความซับซ้อนและแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เนื่องจากการใช้ทั้ง Popular Vote และ Electoral College การทำความเข้าใจระบบนี้เป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้