ความตึงเครียดตะวันออกกลางพุ่ง สหรัฐฯ เตรียมรับมือภัยคุกคามจากอิหร่าน

06 ส.ค. 2567 | 11:35 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ส.ค. 2567 | 11:37 น.

สถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความรุนแรง สหรัฐฯ เร่งเสริมความมั่นคงรับมือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากอิหร่าน โดยหารือกับคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติระดับสูง

KEY

POINTS

  • ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลในระดับนานาชาติ
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่าอิหร่านอาจมีแนวโน้มที่จะก่อการโจมตีหรือสร้างความไม่สงบในรูปแบบที่รุนแรงขึ้น
  • สหรัฐฯ กำลังดำเนินมาตรการเพื่อเสริมความมั่นคงและเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในด้านการทหาร การข่าวกรอง และการทูต

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ พบปะกับคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติระดับสูง ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านต่ออิสราเอลเพิ่มมากขึ้น โดยกล่าวว่า เขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับการเตรียมการที่จะสนับสนุนอิสราเอลในกรณีที่ถูกโจมตี ส่วน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่กำลังทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น

ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากการลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาส ซึ่งอิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลและประกาศจะตอบโต้อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม อิสราเอลไม่ได้ยอมรับว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลอบสังหารครั้งนี้

แฟ้มภาพ : ผู้ประท้วง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮูตี ถือปืนไว้ข้างโปสเตอร์ของอิสมาอิล ฮานีเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสที่ถูกลอบสังหาร

หลายประเทศ รวมทั้งสหรัฐอฯ และสหราชอาณาจักร มีการได้แจ้งให้พลเมืองของตนออกจากเลบานอน โดยเกรงว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธและขบวนการทางการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอาจมีบทบาทในการตอบโต้เกิดขึ้น

สหรัฐฯ หารือเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูง 

บลิงเคนกล่าวทางโทรศัพท์ กับคู่ค้าประเทศ G7 ว่า อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อาจเปิดฉากโจมตีอิสราเอลภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง ตามความเห็นที่เว็บไซต์ข่าว Axios ของสหรัฐฯ อ้างอิง ขณะที่ ไบเดนกล่าวว่าเขาและรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส พบกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว

"เราได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามจากอิหร่านและกลุ่มที่เป็นตัวแทน ความพยายามทางการทูตเพื่อลดความตึงเครียดในภูมิภาค และการเตรียมการที่จะสนับสนุนอิสราเอลในกรณีที่ถูกโจมตีอีกครั้ง" เขากล่าวในโพสต์บน X ซึ่งเดิมคือ Twitter 

เขากล่าวเสริมว่าได้มีการหารือถึงขั้นตอนต่างๆ ที่กำลังดำเนินการเพื่อปกป้องกองกำลังสหรัฐฯ และตอบสนองต่อการโจมตีใดๆ ต่อบุคลากรของสหรัฐฯ หลังจากบุคลากรสหรัฐฯ หลายรายได้รับบาดเจ็บที่ฐานทัพทหารในอิรักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

การเจรจาหยุดหยิงล้มเหลว

การเจรจาที่เคยนำมาซึ่งความหวังต่อข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติความขัดแย้งในฉนวนกาซากลับล้มเหลวหลังจากการเสียชีวิตของฮานิเยห์ สถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อเด็กและวัยรุ่น 12 คนถูกสังหารในการโจมตีที่บริเวณที่ราบสูงโกลันซึ่งอิสราเอลยึดครองเมื่อไม่กี่วันก่อน อิสราเอลกล่าวหาฮิซบอลเลาะห์และประกาศจะตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ฮิซบอลเลาะห์ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ไม่กี่วันต่อมา ฟูอัด ชุกร์ ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเขตชานเมืองของกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย รวมทั้งเด็ก 2 ราย

ฮิซบุลเลาะห์จัดงานศพของผู้บัญชาการระดับสูง ฟูอัด ชุกร์ ในกรุงเบรุต

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฮานีเยห์ก็ถูกลอบสังหารในอิหร่าน

กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) เปิดเผยว่า ฮานิเยห์เสียชีวิตจาก "ระเบิดรุนแรง"ซึ่งเกิดจาก "กระสุนปืนระยะใกล้" ที่ยิงมาจากด้านนอกบ้านที่เขาพักระหว่างเยือนเมืองหลวงเตหะรานของอิหร่าน 

อิสราเอลไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล กล่าวในเวลาต่อมาว่า อิสราเอลได้ "โจมตีอย่างหนัก" ต่อกลุ่มตัวแทนของอิหร่านในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ภายหลังเหตุสังหารหมู่ในเลบานอนและอิหร่าน IRGC กล่าวว่า อิสราเอลจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงในเวลา สถานที่ และวิธีการที่เหมาะสม ในขณะที่ ฮัสซัน นัสรุล เลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวว่า ความขัดแย้งได้เข้าสู่ช่วงใหม่แล้ว

ถือเป็นความขัดแย้งที่ใกล้จะทวีความรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่ออิหร่านยิงโดรนและขีปนาวุธประมาณ 300 ลำไปที่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลต่อสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย ซึ่งทำให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูงหลายรายเสียชีวิต

นับตั้งเเต่ความขัดเเย้งเริ่มขึ้น 

ความขัดแย้งในฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้นภายหลังการโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย และอีก 251 รายถูกจับตัวกลับไปฉนวนกาซาในฐานะตัวประกัน

นับตั้งแต่ที่อิสราเอลเปิดฉากการรุกรานภาคพื้นดินเพื่อตอบโต้ในฉนวนกาซา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วมากกว่า 38,400 ราย ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาส

มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและผู้คนนับหมื่นต้องอพยพออกจากบ้านเรือนทั้งสองฝั่งของชายแดนอิสราเอล-เลบานอน จากการโจมตีระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ที่เกิดขึ้นเกือบทุกวัน

จอร์แดน ขอให้สายการบินทั้งหมดที่วางแผนจะลงจอดที่สนามบินให้เติมน้ำมันเพิ่มอีก 45 นาที ซึ่งเชื่อว่าเป็นมาตรการป้องกันกรณีที่จอร์แดนจำเป็นต้องปิดน่านฟ้าในกรณีที่เกิดความขัดแย้งในภูมิภาค

สายการบินแห่งชาติเยอรมนีอย่าง Lufthansa ระงับเที่ยวบินทั้งหมดไปยังเทลอาวีฟ เตหะราน และเบรุต จนถึงและรวมถึงวันที่ 12 สิงหาคม

สายการบินเดลต้าของสหรัฐฯ ยังได้ระงับเที่ยวบินไปเทลอาวีฟจนถึงอย่างน้อยวันที่ 31 สิงหาคมเนื่องจากความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่ในภูมิภาค

ขณะนี้สำนักงานต่างประเทศแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเลบานอน และขอร้องให้พลเมืองอังกฤษที่อยู่ในประเทศออกจากประเทศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลซึ่งมีพรมแดนติดกับเลบานอน

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายรายได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยจรวดที่ฐานทัพทหารสหรัฐฯ ในอิรักตะวันตก