ศึกแย่งเก้าอี้รมต. ภท.ฮึดฮัดจี้แบ่งเค้กก่อนโหวตนายกฯ

รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย หากมีพรรค “ 2 ลุง” มาร่วมด้วย จะมีองค์ประกอบ 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ได้แก่ เพื่อไทย 141 เสียง ภูมิใจไทย(ภท.)  71 เสียง พลังประชารัฐ 40 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง เสรีรวมไทย พลังสังคมใหม่ ท้องที่ไทย พรรคละ 1 เสียง 

หากเป็นดังนั้น ในเรื่องของ “เสถียรภาพรัฐบาล” ถือว่าไม่น่ามีปัญหา หรือ น่าห่วงแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาภายใน “รัฐบาลเพื่อไทย” คือ การแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี ของพรรคร่วมรัฐบาล

เพราะเริ่มมีการส่งสัญญาณจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง ภูมิใจไทย ในฐานะพรรคอันดับ 2  ออกมาแล้ว ว่า อยากให้เคลียร์เก้าอี้ รมต. ให้ลงตัวก่อนการโหวตนายกฯ จะเกิดขึ้น

หลังมีข่าวออกมาว่า เพื่อไทยยังดึงเกม ไม่เคาะว่าจะให้กระทรวงใดบ้าง แจ้งเพียงแค่ว่า ภูมิใจไทย ได้ 4 รัฐมนตรีว่าการ 4 รัฐมนตรีช่วย รวม 8 เก้าอี้เท่านั้น

ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย อยากได้ 3 กระทรวงหลักเหมือนเดิมสมัยร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกอบด้วย  รมว.คมนาคม รมว.ท่องเที่ยวฯ และ รมว.สาธารณสุข แต่เพื่อไทยไม่ให้กระทรวงท่องเที่ยว ภูมิใจไทยจึงเบนเป้าไปขอจองกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)

แต่ กระทรวง ทส. ก็มีข่าวว่า วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ดีลจบแล้ว ขอนั่งเก้าอี้เดิม แถม “คนแดนไกล” ใจดี ยกเก้าอี้ รมช.ให้อีก 1 เก้าอี้ สำหรับ ประภัตร โพธสุธน เพื่อนรัก

ภท.ขอแบ่งรมต.ก่อน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 ถึงการพุดพูดคุยเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีก่อนการโหวตนายกฯ กับพรรคเพื่อไทย ว่า มีการพูดคุยกันมาตลอด แต่ในรายละเอียดคาดว่าจะคุยกันใน 1-2 วันนี้

ส่วนจะต้องมีการตกลงกระทรวงให้ชัดเจนก่อนวันโหวตนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า “ควรจะต้องเป็นอย่างนั้น ทุกฝ่ายก็ออกมาในแนวทางนั้นไม่ใช่หรือ ทุกพรรคที่ผมตามข่าวก็เป็นอย่างนั้น”

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ทราบแล้วว่าจะได้กี่ตำแหน่ง แต่ยังไม่ได้คุยว่าจะได้กระทรวงอะไร ของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอะไร เราทราบว่าควรจะคุยในลักษณะไหนในบริบทที่เรามีอยู่ในปัจจุบันที่ต้องเป็นเชิงสร้างสรรค์

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยตั้งเป้าหรือไม่ว่าต้องการรับผิดชอบกระทรวงไหน นายอนุทิน กล่าวว่า “คิดว่าตรงนี้เดี๋ยวเราไปพูดคุย เพราะไปพูดไว้ก่อนก็เหมือนไปกดดันซึ่งกันและกัน เพราะวันนี้จะไปกดดันกันไม่ได้ ควรจะใช้วิธีหารือหาข้อตกลงกันและเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย”

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่อยากให้รัฐมนตรีเดิมนั่งกระทรวงเดิม นายอนุทิน ถามกลับว่า “ใครพูดล่ะ ซึ่งหากเป็นกระแส เราก็อย่าเพิ่งไปใส่ใจกระแส โดยทางฝั่งภูมิใจไทยมอบหมายให้ผมไปประสาน และพูดคุยกับฝั่งเพื่อไทย ที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เราก็คุยกันอยู่วงนี้ หากไปฟังคนนู้นพูดที คนนั้นพูดที มันไม่ได้หรอก เขามีช่องไหนคุยกันก็คุยเฉพาะช่องทางนั้น”

พท.ไม่ปล่อย“คมนาคม”

อย่างไรก็ตาม สำหรับ “กระทรวงคมนาคม” นั้น มีรายงานว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ยอมปล่อยให้พรรคภูมิใจไทย ดูแล โดยมีข่าวเบื้องต้นว่า ได้วางตัว นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค เป็นรมว.ว่าการ  แต่ก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว อาจการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลได้ 

ส่วนกระทรวงพลังงาน มีชื่อนักธุรกิจทุนใหญ่จับจอง กระทรวงนี้จึงถูกมองว่าจะตกเป็นโควตานายทุนพรรค โดยจะส่งตัวแทนเข้ามาคุมกระทรวงนี้ 

กระทรวงพลังงาน อาจตกเป็นโควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเป็นจริง ก็ต้องมีคนในพรรคเพื่อไทยผิดหวัง โดยเฉพาะ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ที่มีข่าวถูกวางตัวมาก่อนหน้านี้

สำหรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เดิมพรรคเพื่อไทยวางตัว พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ทหารคนเดียวในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค แต่ก็ติดปัญหากรณีสลายม็อบตากใบ เป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ จึงมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปเห็นโควตาพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมเสนอชื่อ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องรัก “บิ๊กป้อม” แต่ก็อาจมีแรงต้านทั้งในพรรค นอกพรรค พอสมควร 

“สองมิตร”เล็งเกษตร

ด้านกลุ่มสองมิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน กับ  สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็หวังอยากนั่ง รมว.เกษตรฯ แต่ก็มีคู่แข่งอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีจองเก้าอี้นี้ไว้เหมือนกัน  ส่วน สุริยะ ก็มีแนวโน้มจะอกหักจากเก้าอี้ รมว.พลังงาน อีกรอบ 

สำหรับพรรคประชาชาติ ที่มีข่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค มีลุ้นนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.ยุติธรรม แต่ก็มีคนของพรรคเพื่อไทย ค้านว่า รองนายกฯ ไม่ควรได้ เพราะ วันนอร์มูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค ได้ประธานสภาฯ ไปแล้ว

                               

แบ่งรมต.หลังได้นายกฯ

ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ออกมาส่งสัญญาณมีการพูดคุยเรื่องจำนวนกระทรวงในเบื้องต้นแต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ว่า คงเป็นการดูจากตัวเลขส.ส. แต่รายละเอียดใครนั่งกระทรวงไหนยังไม่ได้พูดคุยกัน

“คงมีการพูดคุยหลังโหวตนายกฯ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะเร่งประสานงาน เพราะมีความจำเป็นที่ต้องแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว”

ส่วนความคืบหน้าการดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า หลังจากพูดคุยถึงวิกฤตของประเทศกับพรรค รทสช. เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นยังไม่มีการพูดคุยกัน โดยวันนี้(15 ส.ค.) พรรคจะหารือว่าแนวทางต่อไปจะทำอย่างไร

เช่นเดียวกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลกดดันให้แบ่งตำแหน่งรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ ว่า เท่าที่คุยกันไม่มีปัญหาอย่างที่กล่าวมา และไม่ทราบว่าไปได้ยินมาจากไหน 

“ยืนยันว่าเราสร้างความมั่นใจและชัดเจน ซึ่งต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่ทั้งหมดก็พร้อมที่จะเข้าร่วม ซึ่งผมก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ทั้งนี้ เมื่อเลือกนายกฯ เรียบร้อยแล้ว จึงจะมีการมาคุยกันเรื่องตำแหน่ง ซึ่งหากวันประชุมร่วมเป็นวันที่ 18 ส.ค. หรือ วันที่ 22 ส.ค.จริง และเลือกได้เลย ก็สามารถตกลงและจัดตั้งรัฐบาลได้ในเร็ววัน”

รทสช.ไม่แคร์เก้าอี้รมต. 

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ได้รับเชิญไป ดื่มกาแฟพูดคุยที่พรรคเพื่อไทยครั้งแรก ซึ่งการเชิญเข้าร่วมรัฐบาลขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

แต่หากมีการติดต่อเข้ามา ก็ต้องมีการพูดคุยกันในพรรค และยืนยันว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่มีการโหวตนายกฯ ให้ก่อน ที่จะมีการพูดคุยตกลงร่วมรัฐบาลกัน เพราะพรรคไม่มีระบบเช่นนี้ โดยทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของพรรค 

"ผมยืนยันว่าภายในพรรคไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการร่วมรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ติดต่อมา ก็ไม่รู้จะคุยกันเรื่องอะไร" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว 

ด้านนายเอกณัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงการแบ่งสัดส่วนเก้าอี้รัฐมนตรี ว่า คิดว่าข่าวที่ปล่อยมั่วกันไปหมด ถึงเวลานี้ยังไม่มีการต่อรองเรื่องของเก้าอี้หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งข่าวลือที่ว่าจะต้องเอาคนนั้นออก คนนั้นเข้า ไม่เป็นความจริงเลย 

“การตัดสินใจของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะอยู่บนหลักการที่เราได้ประกาศไปแล้วต่อสาธารณะว่า ต้องไม่มีเรื่องของ ม.112 และไม่มีพรรคก้าวไกล หลังจากนั้นเราก็พร้อมพูดคุย การตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ร่วม อยู่บนหลักการ เราไม่แคร์เรื่องของตำแหน่ง หรือ กระทรวง แม้จะเป็นฝ่ายค้านเราก็พร้อม"

นายเอกณัฎ  ย้ำว่า “สำหรับเราพร้อมให้ได้หมด ไม่ติดใจเรื่องของกระทรวง รวมถึงเรื่องบุคคล แต่หลักการต้องชัดเจน เรื่องนี้มันทำยากและง่ายสำหรับบางพรรคกว่าจะตกลง ให้ตกผลึกได้ข้อสรุป ต้องลงรายละเอียดถึงขั้นว่า กระทรวงไหนเป็นใคร ของเราไม่มี”