ความร่วมมือนี้เป็นการต่อยอดจากการประกาศของ Singtel ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า จะเริ่มเปิดให้บริการหน่วยประมวลผลกราฟิก GPUaaS ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเปิดให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจ ได้เข้าถึงการใช้งานการประมวลผลด้าน AI จาก NVIDIA ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน AI ได้รวดเร็วขึ้น ด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า อันจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อการเติบโตและการพัฒนานวัตกรรม
ทั้งนี้พบว่า การนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้จะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (US$1 trillion) ในปี 2030 อีกทั้งยังสะท้อนการให้ความสำคัญของ AI ผ่านนโยบายของภาครัฐในภูมิภาคนี้ ที่มีการเปิดตัวแผนงาน AI ระดับชาติ พร้อมกับการกำหนดแผนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อส่งเสริมการใช้งานให้ได้เต็มประสิทธิภาพ
ภายใต้ข้อตกลงนี้ สมาชิกผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมภายใต้ Bridge Alliance จะสามารถเข้าถึงบริการ GPUaaS จาก Singtel และด้วยความต้องการ GPU ในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น การขยายกลุ่มการใช้ GPU ก็จะเท่ากับเป็นการเร่งการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วย
นายภูผา เอกะวิภาต รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า “เทคโนโลยี AI ได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ถูกใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับและเร่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ รูปแบบการให้บริการ AI ด้วยการประมวลผล ‘GPU as-a-Service’ จะสนับสนุนให้องค์กรเหล่านี้ ได้เข้าใช้งานเทคโนโลยีในการขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ AIS เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า GPUaaS จาก Singtel และ Bridge Alliance จะเสริมขีดความสามารถด้านเครือข่ายและดิจิทัลจาก AIS พร้อมช่วยสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนให้กับองค์กรภาคธุรกิจในประเทศไทย”
ด้านนายบิล แชง (Bill Chang), CEO of Singtel’s Digital InfraCo unit กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความสนใจอย่างมากจาก AIS, Maxis และ Telkomsel ในการร่วมให้บริการ GPUaaS กับเราตั้งแต่การเปิดตัว ความร่วมมือของ Bridge Alliance และ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จะช่วยให้เข้าถึงเทคโนโลยีและใช้งาน AI ได้เร็วขึ้นสำหรับภาคองค์กรธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม เป็นการมอบเครื่องมือที่จะช่วยสร้างผลิตภาพและคุณค่าให้แก่ธุรกิจ พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและโซลูชันส์ยุคใหม่ นี่เป็นการเสริมเป้าหมายของเราที่ต้องการเป็นตัวกระตุ้นสำหรับนวัตกรรมและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Singtel ยังถือเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายแรกที่ได้นำ AI มาสู่ 5G Edge ผ่านแพลตฟอร์ม Paragon ซึ่งให้บริการภายใต้สิทธิบัตรของ Singtel ในการทดสอบโครงการ 5G@Sentosa สำหรับหน่วยงานรัฐบาลสิงคโปร์ โดยแพลตฟอร์ม Paragon ช่วยเชื่อมโยงและบริหารการทำงานของการประมวลผลแบบ Multi-edge ร่วมกับ NVIDIA GPU เพื่อเปิดให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาการใช้งานร่วมกับ 5G พร้อมรองรับการขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว “ด้วยจำนวนผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่ให้บริการ 5G เพิ่มขึ้น เราเห็นการนำเสนอการใช้งาน AI แบบ real-time โดยใช้ความสามารถของ GPUaaS ร่วมกับ 5G edge ที่มีความหน่วงต่ำ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ” Mr. Chang กล่าวเสริม
ดร. ออง เก็ก ชวี (Dr. Ong Geok Chwee), CEO of Bridge Alliance กล่าว “ในฐานะกลุ่มพันธมิตรผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำซึ่งรวบรวมขีดความสามารถของสมาชิกในกลุ่มเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบการริเริ่มของบริการใหม่ๆ ระดับภูมิภาค เรามีความดีใจและภูมิใจ ในความร่วมมือเพื่อนำประโยชน์จาก GPUaaS และการประมวลผลด้าน AI มาสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ ด้วยความครอบคลุมที่กว้างขวางและความสามารถของเราในการบูรณาการบริการในประเทศต่างๆ การริเริ่มนี้ถือเป็นหนึ่งในหลายโครงการที่พิสูจน์คุณค่าของระบบนิเวศของ Bridge Alliance ในฐานะพันธมิตรด้านโซลูชันส์ที่ได้รับการยอมรับ สำหรับการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เหมาะสมและคุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ”
เมื่อเริ่มเปิดให้บริการ บริการ GPUaaS ของ Singtel จะใช้ H100 Tensor Core GPU-powered clusters ของ NVIDIA ซึ่งจะให้บริการจาก data center ที่มีอยู่มากกว่าหนึ่งแห่ง Singtel จะเป็นกลุ่มผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่ใช้เครื่องประมวลผลรุ่นใหม่ GB200 AI Server จาก NVIDIA บริการนี้จะขยายความสามารถในการให้บริการด้วย data center ที่พร้อมสำหรับ AI, มีการเชื่อมต่อความเร็วสูง, และมีความยั่งยืนโดย Nxera ธุรกิจให้บริการ data center ระดับภูมิภาคหลายแห่ง ทั้งในประเทศสิงคโปร์, ประเทศอินโดนีเซีย, ประเทศมาเลเซีย และในประเทศไทย (ได้แก่ GSA DC ร่วมกับ Gulf และ AIS) โดยจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่กลางปี 2025 เป็นต้นไป