โครงการ Take It Down’ ซึ่งเริ่มให้บริการเป็นภาษาอังกฤษและภาษาสเปนในปีที่ผ่านมา นับเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมที่มีโครงการความร่วมมือให้บริการลบรูปภาพส่วนตัวดังกล่าวออกจากอินเทอร์เน็ต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผยแพร่ต่อบนโลกออนไลน์ สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่า ปัจจุบัน โครงการได้พัฒนาบริการให้ครอบคลุมกว่า 25 ภาษาทั่วโลกและขยายการดำเนินงานในหลากหลายประเทศเพิ่มเติม ทำให้สามารถเข้าถึงวัยรุ่นจำนวนหลายล้านคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
นางสาวมาลีนา เอนลุนด์ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Meta ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความมุ่งมั่นและการดำเนินงานของบริษัทในการต่อสู้กับอาชญากรรมในรูปแบบการขู่กรรโชกทางเพศ (Sextortion) โดยกล่าวว่า “สำหรับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน การถูกนำภาพส่วนตัวไปเผยแพร่เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก โดยเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชน และสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม หากมีใครก็ตามข่มขู่ว่าจะนำภาพส่วนตัวของพวกเขาไปเผยแพร่ หากเหยื่อปฏิเสธที่จะแชร์รูปภาพโป๊เปลือยเพิ่ม หรือมีกิจกรรมทางเพศด้วย หรือแม้แต่การส่งเงินให้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบอาชญากรรมที่เรียกว่าการขู่กรรโชกทางเพศ ด้วยความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยและปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งานของเรา
Meta ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับหลากหลายองค์กรและครีเอเตอร์ทั่วโลก เพื่อช่วยให้วัยรุ่นสามารถเข้าถึงการควบคุมรูปภาพส่วนตัวของตนเองได้อีกครั้ง และยับยั้งไม่ให้บุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาชีพที่เป็นอดีตคนรัก หรือใครก็ตาม ในการเผยแพร่รูปภาพส่วนตัวดังกล่าวบนโลกออนไลน์ การขยายบริการ Take It Down ในประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการดำเนินงานที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของเราในการดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเยาวชนทั่วโลก”
จากการเสวนาภายในงาน หัวข้อ “ปกป้องเยาวชนจากภัยขู่กรรโชกทางเพศ” ของ Meta ร่วมกับพันธมิตร มีการเผยว่าจากรายงานการบังคับใช้มาตรฐานชุมชนของ Meta ในช่วงตุลาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา แพลตฟอร์มได้มีการนำเนื้อหาที่ละเมิดกฎและเกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศกับเด็กทั่วไปแล้วกว่า 16 ล้านเนื้อหาบน Facebook และกว่า 2.1 ล้านเนื้อหาบน Instagram “จากเนื้อหาที่มีการละเมิดกฎเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับภาพโป๊เปลือยเด็ก มากกว่า 98% เราได้นำเนื้อหาลงก่อนที่จะมีการรายงานเข้ามาโดยเป็นผลจากการตรวจจับด้วย AI ของเรา”
พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผู้กำกับกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท.บช.สอท. ผู้เข้าร่วมเสวนากล่าวว่า “ปัจจุบันปัญหาเรื่องสื่อที่มีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญและจริงจังในการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วกว่า 540 คดี อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพสังคมและการสื่อสารในปัจจุบันบนโลกออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายและภาคเอกชนและแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Meta เป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาในเชิงบูรณาการให้มีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วมากขึ้น”
วิธีการใช้งานบริการ Take It Down
ผู้คนสามารถใช้บริการ Take It Down ได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการค้นหาและลบรูปภาพส่วนตัวออกจากอินเทอร์เน็ต หรือการช่วยยับยั้งการเผยแพร่รูปภาพส่วนตัวเหล่านั้นบนโลกออนไลน์ตั้งแต่แรก โดยบริการดังกล่าวเปิดให้บริการใช้งานฟรีสำหรับ
• เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีที่มีความกังวลว่ารูปภาพส่วนตัวของพวกเขาถูกเผยแพร่ หรืออาจถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์
• ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่ได้รับความไว้วางใจจากเด็กและเยาวชนในการจัดการกับรูปภาพส่วนตัวในนามของพวกเขา
• ผู้ใหญ่ที่กังวลว่ารูปภาพส่วนตัวของตนเองที่ถูกถ่ายไว้ก่อนอายุ 18 ปีถูกเผยแพร่ หรืออาจถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์
โครงการ Take It Down ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้านข้อมูลแก่เด็กและเยาวชน โดยผู้คนที่สนใจสามารถเริ่มต้นการใช้งานโดยไปที่เว็บไซต์ และปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระบุเพื่อกำหนดลายนิ้วมือดิจิทัลที่เป็นตัวเลขไม่ซ้ำกันซึ่งเรียกว่า ‘ค่าแฮช’ ให้กับรูปภาพหรือวิดีโอภาพเปลือย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สามารถทำได้อย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัยจากอุปกรณ์ของพวกเขา
เยาวชนที่ต้องการความช่วยเหลือเพียงต้องส่งต่อค่าแฮชดังกล่าวโดยไม่ต้องส่งภาพหรือวิดีโอส่วนตัว ซึ่งกระบวนการนี้จะไม่มีการนำรูปภาพหรือวิดีโอออกจากอุปกรณ์ของพวกเขา เมื่อค่าแฮชได้ถูกแชร์ให้กับศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NCMEC) แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เข้าร่วมต่างๆ รวมถึง Meta ก็จะสามารถตรวจสอบได้ว่ามีรูปหรือวิดีโอเหล่านั้นอยู่บนแพลตฟอร์มหรือไม่ และจัดการลบเนื้อหาดังกล่าวออก พร้อมยับยั้งไม่ให้ใครก็ตามสามารถข่มขู่ผู้อื่นว่าจะนำเนื้อหาดังกล่าวกลับมาโพสต์บนแพลตฟอร์มได้อีก