net-zero

เปิดวิสัยทัศน์ "สารัชถ์" ชี้โอกาสดันไทยสู่ผู้นำ "พลังงานสีเขียว"

    "สารัชถ์ รัตนาวะดี" เปิดวิสัยทัศน์อนาคตพลังงานของประเทศไทย แนะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รองรับพลังงานสะอาด ดันไทยสู่ผู้นำพลังงานทดแทน

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ขึ้นกล่าวปาฐกถาในงาน CHULA Thailand President Summit 2025 หัวข้อ "Future Thailand: Energizing Society" เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเน้นถึงบทบาทของพลังงานที่มีต่อสังคมไทย และทิศทางของพลังงานสะอาดในอนาคต

 

เปิดวิสัยทัศน์ \"สารัชถ์\" ชี้โอกาสดันไทยสู่ผู้นำ \"พลังงานสีเขียว\"

 

บทบาทของพลังงานต่อการพัฒนาไทย

 

นายสารัชถ์ กล่าวถึง วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมพลังงานไทยในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากถ่านหินสู่ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในอดีต โรงไฟฟ้าถ่านหินเคยเป็นแหล่งพลังงานที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูง แต่เนื่องจากข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและแรงต่อต้านจากสังคม ส่งผลให้ภาครัฐต้องปรับเปลี่ยนนโยบายไปสู่การใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

“เมื่อ 30 ปีก่อน ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่ได้รับความนิยม แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความต้องการพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ส่งผลให้พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์และพลังงานลม กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าเดิม” นายสารัชถ์กล่าว

 

เปิดวิสัยทัศน์ \"สารัชถ์\" ชี้โอกาสดันไทยสู่ผู้นำ \"พลังงานสีเขียว\"

 

เขายังระบุว่า แก๊สธรรมชาติ ซึ่งเคยเป็นเชื้อเพลิงหลักของโรงไฟฟ้าไทย เริ่มได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลก การที่ประเทศไทยต้องนำเข้า LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) ทำให้เกิดต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ภาคพลังงานต้องเร่งหาแนวทางกระจายความเสี่ยง

การลงทุนพลังงานสะอาดและแนวโน้มในอนาคต

 

นายสารัชถ์ เผยว่า กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ได้ขยายการลงทุนไปยังพลังงานสะอาดทั่วโลก เช่น โครงการพลังงานลมในทะเลเหนือของเยอรมนี และโครงการก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เพื่อศึกษานวัตกรรมด้านพลังงานที่สามารถนำมาปรับใช้กับประเทศไทย

 

“เรามองว่าพลังงานลมในทะเล (Offshore Wind) มีศักยภาพสูงในยุโรป เนื่องจากต้นทุนลดลงและเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก อย่างในเยอรมนี เรามีโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 500 เมกะวัตต์ และที่อังกฤษ เราลงทุนในโครงการขนาด 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด”

 

เขาเน้นว่า ในอนาคต พลังงานสะอาดจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของไทย โดยเฉพาะโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีต้นทุนถูกลง และโครงการพลังงานลมที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น

 

เปิดวิสัยทัศน์ \"สารัชถ์\" ชี้โอกาสดันไทยสู่ผู้นำ \"พลังงานสีเขียว\"

 

นอกจากนี้ นายสารัชถ์ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของไทยให้สอดรับกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่สามารถรองรับพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

“อนาคตของพลังงานไทยจะต้องมีการผสมผสานระหว่างแหล่งพลังงานที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดความมั่นคง ราคาที่แข่งขันได้ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”

 

บทบาทของภาคเอกชนและความร่วมมือกับภาครัฐ

 

นายสารัชถ์ยังกล่าวถึงบทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด โดยเน้นว่าความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน

 

“เรามีความร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดหลายโครงการ รวมถึงโครงการโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และโครงการพลังงานหมุนเวียนที่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างเสถียร”

 

เขายังกล่าวถึงการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) และพลังงานทางเลือกอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นทิศทางที่หลายประเทศกำลังให้ความสนใจ

 

สรุปแนวโน้มพลังงานไทยในอนาคต

 

นายสารัชถ์สรุปว่า อนาคตของพลังงานไทยจะมุ่งไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนพลังงานสะอาด การสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่รองรับพลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน

 

“ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในภาคพลังงาน การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพลังงานของประเทศ”