sustainable

บทเรียนระดับโลก แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลยุทธ์เห็นผลจริงจากเมืองใหญ่

    ถอดบทเรียนเมืองใหญ่ทั่วโลกแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 อย่างไร? เรียนรู้จากความสำเร็จของปารีส ลอนดอน ปักกิ่ง และอีกหลายเมืองที่ลดมลพิษได้จริง

ปัญหามลพิษทางอากาศ และ PM2.5 เป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตผู้คนทั่วโลก ด้วยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่ามีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรถึง 7 ล้านคนต่อปีเพราะอากาศพิษ สถานการณ์นี้ผลักดันให้เมืองใหญ่ต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน 

อากาศที่คนไทยต้องเผชิญโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม 2568 ที่ระดับฝุ่น PM2.5 ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยพุ่งสูงเกินมาตรฐานจนกลายเป็นวิกฤตสุขภาพเรื้อรัง มลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม การเผาไหม้ในที่โล่ง และกิจกรรมอื่นๆ ส่งผลให้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่แย่ลงอย่างน่าวิตก ปัญหานี้ไม่เพียงแต่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และมะเร็งปอด อย่างไรก็ตาม หลายเมืองทั่วโลกที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ได้ลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง และมีหลายวิธีที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง 

ปารีส ฝรั่งเศส

หนึ่งในเมืองที่ประสบความสำเร็จในการลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์และฝุ่นละออง PM2.5 เมืองนี้ได้ดำเนินนโยบายหลายอย่าง เช่น การเพิ่มค่าจอดรถสำหรับรถ SUV ขนาดใหญ่ในเขตเมือง และการสร้าง "เขตจำกัดการจราจร" เพื่อลดจำนวนรถยนต์ในพื้นที่ใจกลางเมือง นอกจากนี้ ปารีสยังขยายเส้นทางจักรยานและส่งเสริมการเดินเท้า เพื่อให้เมืองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

ลอนดอน อังกฤษ

เมืองแรกที่นำนโยบายเขตปลอดมลพิษ (ULEZ) มาใช้ โดยจำกัดการเข้าถึงรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษสูงในพื้นที่กลางเมือง ผลลัพธ์ที่ได้คือระดับไนโตรเจนไดออกไซด์ในลอนดอนลดลงเกือบ 50% ภายในเวลาไม่กี่ปี มาตรการนี้ยังช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรคหอบหืดที่เกี่ยวกับมลพิษถึง 30% ในระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ลอนดอนยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนในการเปลี่ยนรถยนต์เก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถที่ปล่อยมลพิษต่ำกว่า 

ปักกิ่ง จีน

ปักกิ่ง จีน เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีมลพิษทางอากาศสูงจนเกือบ "อยู่อาศัยไม่ได้" แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองนี้สามารถลดระดับฝุ่นละออง PM2.5 ได้ถึง 35% ภายในเวลาเพียง 4 ปี วิธีการสำคัญคือการบังคับใช้มาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด การสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่ทันสมัย และการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

 

โซล เกาหลีใต้

เมืองที่นำเทคโนโลยีมาช่วยแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติและระบบดาวเทียมเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ เมืองยังมีแผนสร้าง "ป่าลม" โดยปลูกต้นไม้ตามริมแม่น้ำและถนน เพื่อช่วยดูดซับฝุ่นละอองและเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในเมือง

 

อักกรา กานา

เมืองแรกในแอฟริกาที่เข้าร่วมโครงการ BreatheLife เพื่อลดมลพิษทางอากาศ หนึ่งในโครงการสำคัญคือการแจกเตาแก๊สที่ใช้พลังงานสะอาดให้กับครัวเรือน เพื่อลดการเผาไหม้ภายในบ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศในเมืองนี้

 

นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

เมืองที่ลงทุนมหาศาลในโครงการพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์มและฟาร์มกังหันลม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ เมืองยังมีแผนเก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์ในเขตแมนฮัตตัน เพื่อลดจำนวนรถบนถนนและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

 

มิลาน อิตาลี

เมืองที่ปรับเปลี่ยนถนนให้เป็นมิตรกับคนเดินเท้าและจักรยานมากขึ้น โดยขยายทางเท้าและลดพื้นที่สำหรับรถยนต์ นอกจากนี้ เมืองยังมีนโยบายเขตปล่อยมลพิษต่ำในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง

 

จาการ์ตา อินโดนีเซีย

เมืองที่เน้นการควบคุมมลพิษจากยานพาหนะ โดยมีการทดสอบการปล่อยมลพิษจากรถยนต์อย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่ารถทุกคันที่วิ่งบนถนนเป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษ

 

เม็กซิโกซิตี้ เม็กซิโก

เมืองแรกในโลกที่จำกัดการใช้รถยนต์ตามเลขทะเบียน เพื่อลดจำนวนรถบนถนนและลดมลพิษทางอากาศ อย่างไรก็ตาม เมืองยังคงเผชิญกับความท้าทายในการบังคับใช้มาตรการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หลายเมืองทั่วโลกกำลังลงทุนในพลังงานสะอาดและระบบขนส่งสาธารณะที่ทันสมัย เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรม การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศ ต้นไม้และพืชช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ทำให้อากาศในเมืองสะอาดขึ้น

การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ หลายเมืองจัดแคมเปญรณรงค์และให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการใช้พลังงานและการเดินทาง การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ หลายเมืองใช้แนวทางนี้เพื่อระดมทุนและทรัพยากรในการดำเนินโครงการลดมลพิษ

การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่ามีทางออกที่เป็นไปได้ ตั้งแต่การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว การส่งเสริมพลังงานสะอาด ไปจนถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมือง ความสำเร็จของเมืองเหล่านี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เมืองอื่นๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ เพื่อสร้างอนาคตที่อากาศสะอาดและสุขภาพดีสำหรับทุกคน

 

อ้างอิง: unep, wefepabbc