รู้จักเทคโนโลยีอวกาศกับการติดตาม-แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

31 ม.ค. 2568 | 07:14 น.

ปัญหา ฝุ่น PM2.5 กลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง ฝุ่นพิษชนิดนี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ หลอดเลือด และมะเร็งปอด

ปัจจุบันหลายหน่วยงานให้ความสำคัญกับการติดตามและหามาตรการควบคุมฝุ่น PM2.5 โดยหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงคือ เทคโนโลยีอวกาศ ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ผ่านข้อมูลจากดาวเทียมและเซนเซอร์ระยะไกล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเฝ้าระวังและคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ได้อย่างแม่นยำ

รู้จักเทคโนโลยีอวกาศกับการติดตาม-แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ที่ต้องการดึงศักยภาพจากเทคโนโลยีอวกาศ เช่น ข้อมูลจากดาวเทียมและระบบเซนเซอร์ระยะไกล หรือ Remote Sensing มาใช้ประโยชน์ เพื่อให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบและติดตามฝุ่น PM2.5 อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง 

 

เทคโนโลยีอวกาศกับการติดตาม ฝุ่น PM2.5

1. ดาวเทียมสำรวจโลก

  • Himawari-8: ดาวเทียมที่สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศทุก 10 นาที โดยใช้กล้องในระบบออพติคอลและอินฟราเรด ช่วยพยากรณ์สภาพอากาศและตรวจจับค่าฝุ่น PM2.5 ได้อย่างต่อเนื่อง
  • MODIS และ VIIRS: ระบบถ่ายภาพจากดาวเทียมที่สามารถวิเคราะห์ค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ผ่านการสะท้อนและดูดกลืนแสงในชั้นบรรยากาศ
  • Sentinel-5P (โครงการ Copernicus ของสหภาพยุโรป): สามารถตรวจวัดมลพิษทางอากาศ รวมถึง ฝุ่น PM2.5 และก๊าซมลพิษ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ด้วยอุปกรณ์ Tropomi ที่มีความคมชัดสูง

รู้จักเทคโนโลยีอวกาศกับการติดตาม-แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

2. การใช้ AI และ Machine Learning ในการคาดการณ์

ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำมาวิเคราะห์ร่วมกับสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศภาคพื้นดิน เพื่อพัฒนาแบบจำลอง AI/ML (Artificial Intelligence / Machine Learning) ที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มฝุ่นละอองได้ล่วงหน้า โดยใช้ข้อมูลจาก

  • ดาวเทียม Himawari-8
  • สถานีตรวจวัด PM2.5 (กรมควบคุมมลพิษ)
  • ข้อมูลสภาพอากาศ (กรมอุตุนิยมวิทยา)
  • ข้อมูลภูมิประเทศและแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น จุดความร้อนจากไฟป่าและควันจากอุตสาหกรรม

3. ระบบตรวจวัดค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์

  • GEMS (Geostationary Environment Monitoring Spectrometer): อุปกรณ์ตรวจวัดที่ติดตั้งบนดาวเทียม KOMPSAT-2B สามารถตรวจสอบค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ รวมถึงมลพิษอื่นๆ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์และโอโซน
  • การเชื่อมต่อข้อมูลกับแอปพลิเคชันมือถือ: ข้อมูลจากดาวเทียมสามารถนำมาแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันแจ้งเตือนคุณภาพอากาศ ทำให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้อย่างทันท่วงที

แนวทางแก้ไขและบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5

1. ออกนโยบายจากข้อมูลที่แม่นยำ

  • ข้อมูลจากดาวเทียมช่วยให้รัฐบาลสามารถกำหนด เขตควบคุมการปล่อยมลพิษ (Emission Control Zones) ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง
  • การใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก AI ในการพยากรณ์แนวโน้มฝุ่น ช่วยให้สามารถออกมาตรการป้องกันล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ระบบแจ้งเตือนคุณภาพอากาศ

  • การพัฒนาระบบแจ้งเตือนคุณภาพอากาศผ่าน สมาร์ทโฟน แอปพลิเคชัน และป้ายดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์
  • การใช้ข้อมูลจากดาวเทียมช่วยให้สามารถแจ้งเตือนในระดับพื้นที่ได้แม่นยำมากขึ้น

3. การพัฒนาเทคโนโลยีลดมลพิษ

  • การใช้ข้อมูลจากอวกาศเพื่อระบุแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น การเผาในที่โล่ง การจราจร และอุตสาหกรรม เพื่อนำมาวางแผนลดมลพิษ
  • การพัฒนาระบบกรองอากาศในเมือง เช่น การติดตั้งเครื่องกรองอากาศขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง

4. ความร่วมมือระดับนานาชาติ

  • การแบ่งปันข้อมูลจากดาวเทียมกับ องค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลก เช่น UNEP (United Nations Environment Programme) เพื่อเฝ้าระวังฝุ่นข้ามพรมแดน
  • การพัฒนาโครงการร่วมระหว่างประเทศเพื่อลดมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

เทคโนโลยีอวกาศได้กลายเป็น เครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบและติดตามฝุ่น PM2.5 อย่างแม่นยำ ข้อมูลจากดาวเทียมและระบบเซนเซอร์ระยะไกลช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และจัดการปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนการออกแบบนโยบายและมาตรการแก้ไขที่ตรงจุด