เกษตรฯ ลุยแผนรับ "เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ฉบับใหม่ จ่อประกาศใช้ปลายปี 66

14 ก.ย. 2566 | 16:54 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ก.ย. 2566 | 17:14 น.

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมลุย แผนปฏิบัติการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ เตรียมประกาศใช้ปลายปี 2566

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2566 – 2570 ว่า จากการที่ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตร พ.ศ. 2560 – 2565 ได้สิ้นสุดลง

ประกอบกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น 
กระทรวงเกษตรฯ ตระหนักถึงความสำคัญ จึงได้มอบหมายให้ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตร โดยมี นายพีรพันธ์ คอทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เป็นประธานอนุกรรมการ ดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ฉบับใหม่ขึ้น 

สศก. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน ร่วมกันยกร่างแผนปฏิบัติการด้านการเกษตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2566 – 2570  โดยการสนับสนุนของโครงการ Support Programme on Scaling up Climate Ambition on Land Use and Agriculture through NDCs and NAPs  

ซึ่งแผนปฏิบัติการฯ มีวิสัยทัศน์ “ภาคเกษตรไทยมีสมรรถนะและภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บนพื้นฐานของสารสนเทศและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย” ประกอบด้วยประเด็นการพัฒนา 5 แนวทาง ได้แก่  

เกษตรฯ ลุยแผนรับ \"เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ\" ฉบับใหม่ จ่อประกาศใช้ปลายปี 66

แนวทางที่ 1 ยกระดับขีดความสามารถในการปรับตัวของเกษตรกรและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตร 

แนวทางที่ 2  มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทานสินค้าเกษตรเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว 

แนวทางที่ 3 พัฒนาฐานข้อมูล องค์ความรู้  และสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความสำคัญในการปรับตัวและการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

แนวทางที่ 4 พัฒนาศักยภาพกำลังคนในภาคเกษตรและส่งเสริมความร่วมมือของภาคีเครือข่ายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกภาคส่วนและทุกระดับ 

แนวทางที่ 5  ผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ด้านนางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวเสริมถึงแนวทางการพัฒนา  ทั้ง 5 ด้านว่า ได้กำหนดกิจกรรมให้ครอบคลุม อาทิ แนวทางที่ 1 ยกระดับการปรับตัวด้วยเกษตรเท่าทันภูมิอากาศ เช่น การปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง การทำประกันภัยผลผลิต การทำเกษตรผสมผสาน เพิ่มการยอมรับและปรับใช้เทคโนโลยีตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตร เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความเพียงพอและการเข้าถึงแหล่งน้ำ และระบบนิเวศ 

เกษตรฯ ลุยแผนรับ \"เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ\" ฉบับใหม่ จ่อประกาศใช้ปลายปี 66

แนวทางที่ 2 สนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำที่สอดคล้องกับ NDC และ Long-term Strategies (LTS) สนับสนุนด้านการตลาดสินค้าเกษตรคาร์บอนต่ำ  

แนวทางที่ 3 พัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรและความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพเพิ่มองค์ความรู้และงานวิจัย พัฒนาฐานข้อมูลและถ่ายทอดองค์ความรู้ 

แนวทางที่ 4 สร้างความตระหนักรู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ การ Upskill และ Reskill เกษตรกรให้มีความรู้และได้ทดลองฝึกปฏิบัติจริงเกี่ยวกับวิธีการปรับตัวที่เหมาะสม รวมทั้งพัฒนาและจัดหานักวิจัยรุ่นใหม่ 

และ แนวทางที่ 5  ยกระดับการบูรณาการกับหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น  พัฒนาหลักสูตรด้าน Climate Change ที่ทันสมัยมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ และการสนับสนุนทางด้านการเงิน ส่งเสริมและสนับสนุนการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในภาคเกษตร  ส่งเสริมให้หน่วยงานระดับกรมในกระทรวงเกษตรฯ จัดทำแผนรองรับ Climate change   ของตนเอง 

ตลอดจนปรับปรุงและพัฒนากฎระเบียบ กฎหมาย แรงจูงใจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อปรับพฤติกรรม  เช่น จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ในระดับภูมิภาค หรือ จังหวัด ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร การนำมาตรการทางเศรษฐศาสตร์และการเงินมาใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการปรับตัวและลดการปล่อย GHG ในภาคเกษตร เป็นต้น 

หลังจากนี้ สศก. จะนำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายในปีงบประมาณ 2566 ก่อนเสนอคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อรับทราบ 

จากนั้น จะประกาศใช้ภายในปี 2566 อย่างไรก็ดี แผนปฏิบัติการฯ ฉบับนี้มีความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคเกษตร เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย NDCs ของประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์ระหว่างการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ว่าประเทศไทยจะยกระดับเป้าหมาย NDCs จากเดิมร้อยละ 20-25 เป็นร้อยละ 30-40 ในปี ค.ศ. 2030