OR เร่งขับเคลื่อน Net Zero ปูพรมโซลาร์รูฟท็อป 20 MW ปี 73

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ในปี 2568 โออาร์มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ “Empowering All Toward Inclusive Growth : OR เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” ผ่านการกำหนดกรอบกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยให้สำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กรใน 3 มิติ

ประกอบด้วย มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการกำกับดูแลและเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายขององค์กรในปี 2573 หรือ OR 2030 Goals และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 ตลอดจนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593

ทั้งนี้ โออาร์มีเป้าหมายในการการสร้างการเติบโต สร้างอาชีพ และการกระจายความมั่งคั่ง (Economic Prosperity) สู่คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ประกอบการขนาดย่อม พนักงาน และชุมชนมากกว่า 1 ล้านราย ภายในปี 2573 ผ่านการเติบโตโดยการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership) ปัจจุบันได้สร้างโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบผ่าน Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย สร้างการเติบโตให้กับ ผู้มีส่วนได้เสียกว่า 742,884 ราย

พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน (Living Community) ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ธุรกิจและชุมชนรอบพื้นที่ธุรกิจ จำนวนกว่า 17,000 ชุมชน หรือกว่า 12 ล้านชีวิต ภายในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนไปแล้วกว่า 16,843 ชุมชน โดยมีการดำเนินโครงการเพื่อสังคมที่สำคัญ ได้แก่ 1.โครงการไทยเด็ดจำนวน 424 แห่งภายใน PTT Station และร้าน Cafe Amazon ที่สนับสนุนช่องทางการขายสินค้าชุมชน เพื่อช่วยให้ วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่นได้มีโอกาสในการนำสินค้าถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ

2. ร้าน Cafe Amazon for Chance จำนวน 360 สาขา ที่สร้างอาชีพให้กลุ่มผู้เปราะบางและผู้สูงอายุโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน สนับสนุนในการเป็นตลาดรับซื้อกาแฟสารให้เกษตรกร ตั้งแต่ปี 2558-2567 รวมแล้วกว่า 6,600 ตัน อีกทั้ง OR ได้มีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อยกระดับนวัตกรรม ผ่านร้าน Cafe Amazon for Chance ที่สร้างโอกาสให้กับผู้ด้อยโอกาส และใช้นวัตกรรม Upcycling นำเยื่อกาแฟที่เป็นของเสียจากโรงคั่ว และวัสดุเหลือใช้ต่างๆ กลับมา ทำให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง

3.การสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุม ตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 1 ใน 3 ภายในปี 2573

โดยการลดการใช้พลังงาน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานปฏิบัติการ เช่น คลังปิโตรเลียม กลุ่มโรงงานภายในศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ PTT Station ร้าน Café Amazon และโรงงานซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้ม ติดตั้ง Solar Rooftop รวม 20.044 MWp ภายในปี 2573 และลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มปริมาณ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ได้มากกว่า 1ใน 3 ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2565

สำหรับผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2567 ได้แก่ มีการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรสะสม 56,535 GJ ประกอบด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop ในสถานประกอบการ ของ OR 17.50 MWp และมีการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ในพื้นที่สำนักงานพระโขนง ศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ และ โรงงานซ่อมบำรุงและบรรจุก๊าซหุงต้ม จ. สงขลา ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยตนเองทั้งสิ้น 6,999 ตันคาร์บอนไดออไซด์ต่อปี(tonCO2)

ดำเนินการปลูกป่าร่วมกับกรมป่าไม้และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงกว่า 9,600 ไร่ การขอการรับรอง Carbon Credit จากโครงการ Green Travel with Biofuel ที่ส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ และโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาจำนวน 50 พื้นที่ โดยคิดเป็น Carbon Credit ที่คาดว่าจะได้รับ กว่า 17,416 ตันคาร์บอนไดออไซด์ต่อปี

ขยายสัดส่วนธุรกิจและการลงทุนสีเขียว เช่น การขยาย EV Station PluZ ครอบคลุม 77 จังหวัด รวม 2,356 หัวชาร์จ (DC Connector) การติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับดีลเลอร์และลูกค้า ทั้งในและนอกสถานีบริการ PTT STATION โดยติดตั้ง Solar Rooftop ไปแล้วกว่า 31.85 MWp

ในปี 2567 ที่ผ่านมา OR ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ติดอันดับรายชื่อหุ้นยั่งยืนที่ระดับสูงสุด “AAA” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกยํ้าความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงยังคว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล

สำหรับปี 2568 จะใช้งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 7,656.7 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 7,280.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 2,771.8 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจ Innovation & New Business อีกจำนวน 1,178.0 ล้านบาท