net-zero

"บ้านปู" ลุย CCS ในสหรัฐฯ เพิ่ม โครงการ 3 กักเก็บคาร์บอน9หมื่นตัน

    BKV บริษัทย่อยของบ้านปู ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย FID ในธุรกิจกักเก็บคาร์บอน เพิ่มอีก 1 โครงการ ในสหรัฐอเมริกา ร่วมกับผู้ดำเนินธุรกิจกลางนํ้าชั้นนำ คาดกักเก็บคาร์บอนได้ราว 90,000 เมตริกตันต่อปี หลังจากเดินหน้าลงทุนใน 2 โครงการไปแล้ว

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท BKV Corporation (NYSE: BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บ้านปู ในสหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย(FID) ในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (carbon capture and sequestration หรือ CCS) ใหม่ บริเวณโรงงานก๊าซธรรมชาติ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ในพื้นที่แหล่งก๊าซ อีเกิล ฟอร์ด (Eagle Ford Shale) ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฟรีเออร์ รัฐเท็กซัสตอนใต้ สหรนัฐอเมริกา ที่จะพัฒนาร่วมกับบริษัทพลังงานกลางนํ้าชั้นนำ

นับเป็นโครงการที่เพิ่มเข้ามาเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอธุรกิจดักจับใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ให้กับ BKV ต่อจากบาร์เนตต์ ซีโร (Barnett Zero) ที่ดำเนินการอยู่ในรัฐเท็กซัสตอนเหนือ และโครงการ คอตตอน โคฟ (Cotton Cove) ที่มีกำหนดเริ่มดำเนินการในครึ่งแรกของปี 2569

การร่วมมือครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของ BKV ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการพัฒนาสินทรัพย์ CCS ที่สามารถทำกำไรได้ พร้อมสร้างมูลค่าระยะยาวด้วยโซลูชันที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)

สำหรับ CCS โครงการใหม่นี้ BKV คาดว่าจะซื้อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เป็นของเสียจากโรงงาน และจะทำการอัด ขนส่ง และกักเก็บไว้ถาวรในหลุมเจาะของ BKV ที่อยู่ใกล้เคียง โดยคาดว่าจะได้รับสิทธิ์ในการบริหารจัดการคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Attributes) ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการ CCS นี้ โดยหลุมเจาะประเภท Class II ของโครงการได้รับการอนุมัติจาก Texas Railroad Commission แล้ว และ BKV ได้ยื่นแผนการตรวจสอบ รายงาน และการยืนยัน (Monitoring, Reporting, and Verification: MRV) ไปยังหน่วยคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (Environment Protection Agency) เพื่อขอรับการอนุมัติแล้ว

ทั้งนี้ โครงการ CCS นี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อย่างสมบูรณ์ในไตรมาสแรก ปี 2569 (หากได้รับใบอนุญาตทั้งหมดที่จำเป็นต้องมี) และคาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ได้ในอัตราเฉลี่ยประมาณ 90,000 เมตริกตันต่อปี

นายสินนท์ กล่าวอีกว่า การดำเนินงานของ BKV แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติต้นนํ้า ที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติกลางนํ้า ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าอย่างครบวงจร (Closed – Loop) ของ BKV ผ่านการดำเนินการใน 4 ธุรกิจ

ได้แก่ การผลิตก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas Production) การจัดเก็บ แปรสภาพ และขนส่ง (Natural Gas Gathering, Processing, and Transportation) การผลิตไฟฟ้า (Power Generation) และการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ซึ่งบ้านปู ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยั่งยืน และจะเดินหน้าเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านโซลูชันพลังงานที่มีคาร์บอนตํ่าและเชื่อถือได้ ผ่านการลงทุนในสหรัฐอเมริกาและในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก